ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย, 5 กันยายน 2567 /PRNewswire/ — กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเชิงบวกภายหลังการประชุมหารือเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและการเงิน (Article IV Consultation) ร่วมกับซาอุดีอาระเบีย โดยรายงานของ IMF ยืนยันว่าวาระการปฏิรูปการเงินและกฎระเบียบของซาอุดีอาระเบียมีส่วนช่วยเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจซาอุดีอาระเบีย ควบคุมเงินเฟ้อ และลดอัตราการว่างงานลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ IMF ยังได้ยกย่องการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ดำเนินอยู่และความพยายามในการกระจายความเสี่ยงของเศรษฐกิจภายใต้วิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2573
รายงานการประชุมหารือเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและการเงินของ IMF ชื่นชมนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและการเปลี่ยนแปลงเชิงปฏิรูปที่ดำเนินการโดยราชอาณาจักร ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการเติบโตของกิจกรรมที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน รายงานยังระบุด้วยว่า การปฏิรูปของซาอุดีอาระเบียส่งผลให้การจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้สูงกว่าตัวเลขก่อนช่วงวิกฤติโควิด ขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมของสตรีในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 35% สูงกว่าเป้าหมายในวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2573 ที่ 30%
IMF ยังยินดีกับมาตรการของซาอุดีอาระเบียในการวางแผนการเงินระยะยาวที่สนับสนุนการดำเนินการตามแผนริเริ่ม โปรแกรม และโครงการต่าง ๆ ตามวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2573 ขณะเดียวกันยังบรรเทาความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วเกินไป รายงานยังเน้นย้ำว่าการคลังของซาอุดีอาระเบียมีความแข็งแกร่ง และความเสี่ยงด้านหนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำ พร้อมเสริมว่าเงินสำรองทางการเงินที่มีมากมายในซาอุดีอาระเบียได้ช่วยจำกัดผลกระทบของความท้าทายระดับโลกและระดับภูมิภาค
รายงานของ IMF เน้นย้ำว่า การปฏิรูปที่กำลังดำเนินอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งครอบคลุมการบังคับใช้กฎระเบียบอย่างมีประสิทธิผล การปรับลดค่าธรรมเนียม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเพิ่มการมีส่วนร่วมของสตรีซาอุดีอาระเบียในตลาดแรงงาน การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงที่ดินและการเงิน และการกำกับดูแลที่ดี ล้วนมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการเติบโตของภาคเอกชนและดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากขึ้น เพิ่มเติมจากความก้าวหน้าด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยส่งเสริมความพยายามเหล่านี้
กรรมการบริหาร IMF ยังกล่าวชื่นชมบทบาทความเป็นผู้นำของซาอุดีอาระเบียในเวทีพหุภาคี ซึ่งรวมถึงการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการการเงินและการเงินระหว่างประเทศ (IMFC) ใน IMF ที่มีส่วนสนับสนุนความพยายามในการแก้ไขปัญหาระดับโลก
รายงานยังระบุถึงกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นในภาคบริการ ครอบคลุมการขนส่ง การค้า การท่องเที่ยว และการเงิน หลังการบริโภคเติบโตแตะ 5.7%
IMF ระบุว่า การยื่นขอใบอนุญาตการลงทุนจากต่างประเทศยังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้นราวสองเท่าจากปี 2565 คิดเป็นบริษัทกว่า 330 แห่งที่ยื่นขอใบอนุญาตเพื่อจัดตั้งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคในซาอุดีอาระเบีย
รายงานดังกล่าวได้ทบทวนการพัฒนาภาคการธนาคารในซาอุดีอาระเบีย โดยเน้นย้ำถึงระดับความสามารถในการชำระหนี้และสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง รวมถึงความยืดหยุ่นในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด IMF ระบุว่าภาคการธนาคารของประเทศมีรากฐานที่มั่นคง และยังสังเกตเห็นประสิทธิภาพของการเป็นตัวกลางทางการเงินโดยอิงจากตัวบ่งชี้ด้านผลกำไร โครงสร้างพื้นฐาน และความสามารถในการแข่งขัน
นอกจากนี้ รายงานของ IMF ยังระบุถึงการเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ซาอุดีอาระเบีย (Tadawul) ที่ 14.2% ในปี 2566 แซงหน้าดัชนี Morgan Stanley Emerging Markets ซึ่งอยู่ที่ 7% พร้อมระบุถึงความก้าวหน้าของสภาพแวดล้อมทางเทคนิคที่เอื้อต่อการลงทุน และการออกใบอนุญาตให้กับธนาคารดิจิทัลสามแห่ง ทั้งนี้ IMF ได้เน้นย้ำถึงการมีส่วนสนับสนุนในการเพิ่มการเข้าถึงทางการเงินและความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากธนาคารเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะที่มีความยืดหยุ่นและทันสมัย
IMF ยังสังเกตเห็นถึงการควบคุมความเสี่ยงที่เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการให้สินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ของราชอาณาจักร ผ่านการสนับสนุนที่หลากหลายจากรัฐบาล ความแข็งแกร่งของธนาคาร สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่สามารถบังคับเอากับทรัพย์สินอื่น และมาตรการสนับสนุนอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงการยกระดับเมทริกซ์การประเมินระดับชาติให้เป็นอัตโนมัติสำหรับความเสี่ยงจากการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้าย และการเพิ่มความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ได้รับจากหน่วยงานรายงาน ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน
รายงานของ IMF ระบุว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการปฏิรูปที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีส่วนช่วยโดยตรงในการยกระดับการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และยกย่องขั้นตอนศุลกากรที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล
IMF คาดว่าภาคส่วนที่ไม่ใช่น้ำมัน (ซึ่งรวมถึงกิจกรรมของรัฐบาล) จะเติบโตขึ้น 3.5% ในปี 2567 โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ IMF ยังระบุด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อในซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 2% ในระยะกลาง หลังได้แรงหนุนจากการผูกค่าเงินริยัลกับดอลลาร์สหรัฐ และนโยบายท้องถิ่นที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2573
IMF ยังให้การรับรองว่า ซาอุดีอาระเบียมีระดับความเข้มข้นของคาร์บอนต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งหมด อันเป็นผลมาจากการปฏิรูปสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินอยู่และความพยายามของซาอุดีอาระเบียในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2603 พร้อมกล่าวถึงความสำเร็จของซาอุดีอาระเบียในการบรรลุข้อตกลงซื้อขาย 30 ปีสำหรับโครงการไฮโดรเจนสีเขียวใน NEOM เพื่อบรรลุความพยายามในการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน
เพื่อดักจับคาร์บอนให้ได้ราว 44 ล้านตันต่อปีภายในปี 2578 IMF ระบุว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียตั้งใจที่จะสร้างโรงงานดักจับและกักเก็บคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยจะเริ่มดำเนินการภายในปี 2570 และมีกำลังการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 9 ล้านตันต่อปี พร้อมกล่าวถึงความพยายามในปัจจุบันของราชอาณาจักรในการดักจับคาร์บอน 1.3 ล้านตันต่อปีผ่านโรงงาน SABIC และแผนกโรงงานก๊าซ Uthmaniyah
Source : IMF: วาระการปฏิรูปการเงินและกฎระเบียบของซาอุดีอาระเบียช่วยเร่งการเติบโตของราชอาณาจักร
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network