โรดแมพของ Quantinuum แสดงเส้นทางเพื่อนำไปสู่ข้อได้เปรียบทางวิทยาศาสตร์ และจุดเปลี่ยนเพื่อความได้เปรียบทางการค้า ด้วยคิวบิตเชิงกายภาพหลายพันหน่วย คิวบิตเชิงตรรกะหลายร้อยหน่วย อัตราความผิดพลาดต่ำ และชุดซอฟต์แวร์ที่บูรณาการเป็นหนึ่งเดียว
Quantinuum ยังร่วมมือกับ Microsoft จัดแสดงผลงานที่เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสองรายการ ได้แก่ คิวบิตเชิงตรรกะ 12 หน่วย และเวิร์กโฟลว์ทางวิทยาศาสตร์แบบครบวงจรที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ การประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC) และคิวบิตเชิงตรรกะ ซึ่ง Microsoft เคยกล่าวไว้ว่าเป็น "เส้นทางสู่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ควอนตัม"
บรูมฟิลด์, โคโลราโด และลอนดอน, 11 กันยายน 2567 /PRNewswire/ — ในวันนี้ Quantinuum บริษัทควอนตัมคอมพิวเตอร์บูรณาการชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดตัวโรดแมพของบริษัทเพื่อมุ่งสู่การประมวลผลควอนตัมที่ทนทานต่อความผิดพลาดแบบสากลภายในปี 2573 โดยโรดแมพนี้ช่วยเร่งเส้นทางเพื่อไปสู่ระบบเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์ให้รวดเร็ว ซึ่งมีศักยภาพที่จะสามารถปลดล็อกตลาดมูลค่านับล้านล้านดอลลาร์ [1] และทำให้ AI สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดในโลกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ Quantinuum ซึ่งร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ Microsoft ได้ประกาศถึงผลงานความสำเร็จครั้งสำคัญและการบูรณาการต่าง ๆ
โรดแมพของ Quantinuum เผยให้เห็นคอมพิวเตอร์ควอนตัมเจเนอเรชั่นที่ห้า คือ Apollo ซึ่งจะเป็นคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบสากลที่ทนทานต่อความผิดพลาด สามารถดำเนินการวงจรที่มีหลายล้านเกต ให้ความได้เปรียบทางวิทยาศาสตร์และสร้างจุดเปลี่ยนสู่ความสำเร็จเชิงพาณิชย์
"เราเป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวที่มีเส้นทางที่ชัดเจนและพิสูจน์ได้ในการใช้เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองการใช้งานในเชิงวิทยาศาสตร์และเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่" ดร. Rajeeb Hazra ซีอีโอของ Quantinuum กล่าว "ด้วยประวัติการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าซึ่งผ่านการพิสูจน์แล้วและความไว้วางใจจากลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกที่มั่นคง เรามั่นใจว่าเรามีโรดแมพที่น่าเชื่อถือที่สุดในอุตสาหกรรมเพื่อมุ่งบรรลุถึงการประมวลผลควอนตัมที่ทนทานต่อความผิดพลาดแบบสากลได้อย่างประสบความสำเร็จ"
Quantinuum’s Accelerated Hardware Roadmap
โรดแมพนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานสถาปัตยกรรม QCCD (Quantum Charge-Coupled Device) ของ Quantinuum ที่สามารถขยายขนาดได้โดยสมบูรณ์ รวมถึงชุดเกตที่ใช้งานได้อย่างสากลและคิวบิต (qubits) เชิงกายภาพที่มีความแม่นยำสูง (high-fidelity) ซึ่งสามารถรองรับคิวบิตเชิงตรรกะได้อย่างเชื่อถือได้ Quantinuum ยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบข้อมูลพร้อมด้วยเอกสารวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อแสดงผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่อยู่เบื้องหลังความก้าวหน้าเหล่านี้มาเป็นเวลาสี่ปีแล้ว
"ระบบต่อไปของเรา คือ Quantinuum Helios จะรองรับคิวบิตเชิงตรรกะอย่างเพียงพอที่จะปลดล็อกความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ซึ่งจะเหนือกว่าการประมวลผลแบบคลาสสิกอย่างชัดเจน" Hazra กล่าว "โรดแมพของเรานำเราไปสู่การสร้างคิวบิตเชิงตรรกะหลายร้อยหน่วย ซึ่งในจุดนี้เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์จะทำผลงานได้เหนือกว่าการประมวลผลแบบคลาสสิกในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ที่หลากหลาย เช่น ในด้านการเงิน เคมี และชีววิทยาคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ เรายังรู้จากประสบการณ์ว่าการใช้งานจริงในรูปแบบของแอปพลิเคชันที่เหมาะสมสำหรับองค์กรระดับโลกและรัฐบาลมีแนวโน้มจะเริ่มปรากฏให้เห็นและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีก 18 เดือนข้างหน้า คอมพิวเตอร์ควอนตัมของเราตอนนี้ไม่สามารถจำลองด้วยคอมพิวเตอร์แบบคลาสสิกได้แล้ว"
Quantinuum ยังได้ประกาศความสำเร็จอีกประการหนึ่งในวันนี้ร่วมกับ Microsoft คือ การสร้างคิวบิตเชิงตรรกะจำนวน 12 หน่วยบนคอมพิวเตอร์ควอนตัม System Model H2 ซึ่งมีคิวบิต 56 หน่วยที่ได้รับการอัปเดตใหม่ ถือเป็นความก้าวหน้าสามเท่าจากคิวบิตเชิงตรรกะ 4 หน่วยที่ทั้งสองบริษัทได้ประกาศไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ Microsoft ยังได้ใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัม System Model H1 เพื่อทำการจำลองทางเคมีครั้งแรกโดยใช้คิวบิตเชิงตรรกะที่น่าเชื่อถือร่วมกับ AI และ HPC เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำทางเคมี ท้ายที่สุด Quantinuum และ Microsoft ได้เสร็จสิ้นการบูรณาการซอฟต์แวร์ด้านเคมีควอนตัม InQuanto™ ของ Quantinuum เข้ากับ Azure Quantum Elements ทำให้พร้อมใช้งานสำหรับลูกค้าในรูปแบบทดลองใช้แบบส่วนตัว
"การร่วมมือกันระหว่าง Quantinuum และ Microsoft ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนี้ และแสดงให้เห็นหมุดหมายสำคัญบนเส้นทางสู่การประมวลผลด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์แบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างคลาสสิกและควอนตัม ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ได้" ดร. Krysta Svore ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคระดับสูงและรองประธานฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมขั้นสูงสำหรับ Microsoft Azure Quantum กล่าว
"ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าองค์กรต่าง ๆ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าที่เราคาดว่าจะเห็นได้ในรอบเศรษฐกิจหน้า" Hazra กล่าว "ลูกค้าของเรากำลังกำหนดให้มีเทคโนโลยีควอนตัมอยู่ในแผนกลยุทธ์ของพวกเขา และกำลังหาวิธีใหม่ ๆ ในการทำให้ระบบควอนตัมของเราสอดคล้องกับการประมวลผลแบบคลาสสิกและ AI แบบรู้สร้าง (generative AI)"
ในปี 2562 อุปกรณ์ซีรีส์ H ของ Quantinuum เป็นหนึ่งในอุปกรณ์กลุ่มแรก ๆ ที่เสนอขายเชิงพาณิชย์ผ่าน Microsoft Azure และในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ควอนตัม H1 และ H2 ของ Quantinuum ซึ่งขับเคลื่อนโดย Honeywell ยังคงมีให้บริการบน Azure และสำหรับลูกค้าและพันธมิตรของ Quantinuum โดยตรง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Quantinuum บรรลุความสำเร็จที่สำคัญหลายประการ ได้แก่
- การชนะการแข่งขันด้านฮาร์ดแวร์ที่มีความแม่นยำบรรลุอัตรา 99.9% ("three 9s")
- การแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขยายสถาปัตยกรรมของเรา
- การเทเลพอร์ตคิวบิตเชิงตรรกะที่มีความแม่นยำสูง
- เกทที่สามารถสร้างภาวะพันกันได้ในลักษณะที่มีความทนทานต่อความผิดพลาด
- การก้าวข้ามจุดคุ้มค่าด้วยคิวบิตเชิงตรรกะ
- การผ่าตัด Lattice surgery
- การแก้ไขข้อผิดพลาดแบบเรียลไทม์ที่ทนทานต่อความผิดพลาด
- ผลการดำเนินงานของอัลกอริธึมที่ซับซ้อน เช่น การแปลงฟูริเยร์ควอนตัม (quantum Fourier transform) ในระดับตรรกะ
- พื้นฐานการประมวลผลที่จำเป็นสำหรับการแสดงโปรโตคอล magic state distillation
สามารถชมบล็อกโพสต์ที่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรดแมพฮาร์ดแวร์ควอนตัมของ Quantinuum ได้ที่นี่ และสามารถดูการประกาศของ Microsoft เกี่ยวกับคิวบิตเชิงตรรกะ 12 หน่วยได้ที่นี่
เกี่ยวกับ Quantinuum
Quantinuum บริษัทควอนตัมคอมพิวเตอร์บูรณาการครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้บุกเบิกควอนตัมคอมพิวเตอร์อันทรงพลังและโซลูชันซอฟต์แวร์ขั้นสูง โดยเทคโนโลยีของ Quantinuum ขับเคลื่อนความก้าวหน้าในการค้นพบข้อมูล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และควอนตัม AI (ปัญญาประดิษฐ์) เจเนอเรชันใหม่ Quantinuum เป็นผู้นำการปฏิวัติการประมวลผลควอนตัมทั่วนานาทวีปด้วยพนักงานมากกว่า 500 คน รวมถึงนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรมากกว่า 370 คน
[1] ที่มา: Quantum Technology Monitor, McKinsey 2023
อินโฟกราฟิก – https://mma.prnewswire.com/media/2501730/quantinuum_roadmap.jpg
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network
