- AI: บริษัทไต้หวันหลายแห่งกำลังส่งมอบโซลูชันล้ำสมัยที่อยู่เบื้องหลังโมเดล AI รวมถึงระบบการจัดการความร้อนที่สำคัญสำหรับศูนย์ข้อมูลประสิทธิภาพสูง
- ความยั่งยืน: นักนวัตกรรมไต้หวันหลายรายกำลังแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการแก้ปัญหาเพื่อเกษตรกรรม
ไทเป, 1 ต.ค. 2567/PRNewswire/ — สภาพัฒนาการค้าส่งออกของไต้หวัน (TAITRA) เปิดเผยกรณีศึกษาหลายกรณีเกี่ยวกับวิถีแห่งความก้าวหน้าด้าน AI และความยั่งยืนของบริษัทไต้หวัน
AI logo on a chip, with blue light glowing against a dark.
สร้างมาตรฐานใหม่เพื่อการระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับศูนย์ข้อมูล AI
แรงผลักดันในการพัฒนาและนำ AI มาใช้ทำให้ความหนาแน่นของแร็คในศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นตามการใช้พลังงานและความร้อน องค์กรอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล AFCOM พบว่าสมาชิกที่สำรวจมีเพียง 46% เท่านั้นที่มีระบบระบายความร้อนที่เพียงพอ แต่ 55% คาดว่าแร็คจะมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โซลูชันการระบายความร้อนยังคงมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและความยั่งยืนของศูนย์ข้อมูล โดยมีการนำการระบายความร้อนด้วยของเหลวไปใช้เป็นมาตรฐานใหม่อย่างรวดเร็ว และแผ่นระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบสองเฟสที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ T-Global Technology ถือเป็นแนวหน้าเทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยของเหลว แผ่นระบายความร้อนใช้ช่องระบายความร้อนเพื่อปรับปรุงการกระจายความร้อนอย่างมีนัยสำคัญและปรับการจัดการความร้อนให้เหมาะสมที่สุด โดยมอบประสิทธิภาพที่สูงกว่าท่อระบายความร้อนแบบเดิมถึงสิบเท่า พร้อมด้วยความเสถียรและความน่าเชื่อถือสูง
คุณค่าของนวัตกรรมนี้เห็นได้จากการที่ฐานลูกค้าของ T-Global เพิ่มขึ้น 28% ตั้งแต่ปี 2563 เนื่องจาก AI และเทคโนโลยีอื่น ๆ ช่วยกระตุ้นความต้องการโซลูชันระบายความร้อนที่ล้ำสมัยของบริษัท
ลดการใช้น้ำในการเกษตร
ข้อมูลจากธนาคารโลกเผยว่าน้ำจืดประมาณ 70% เป็นการใช้เพื่อการเกษตร และความต้องการนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อประชากรโลกเพิ่มจำนวนขึ้น เพื่อให้การเกษตรใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น AgriGaia® ได้พัฒนาระบบชลประทานใต้ดินที่เลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งใช้ระบบชลประทานใต้ผิวดินในการลำเลียงน้ำและสารอาหารไปยังบริเวณรากพืชโดยตรง เทคโนโลยีนี้อาศัยแนวคิดการออกแบบจากระบบไหลเวียนโลหิตของมนุษย์เพื่อช่วยลดการใช้น้ำได้ถึง 70% ทั้งยังลดแรงงานและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและระบบนิเวศอีกด้วย
เป็นพันธมิตรหลักทั่วโลก
ชุมชนธุรกิจของไต้หวันมีข้อได้เปรียบหลายประการ:
- ความสามารถด้านเทคโนโลยี: การวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่งและเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์และจดสิทธิบัตร
- ไว้วางใจได้และน่าเชื่อถือ: ให้ความสำคัญและหมั่นใส่ใจต่อการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของพันธมิตร
- ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง: ยืดหยุ่นและปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะได้
- ESG: โอบรับความยั่งยืนในการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน
- รองรับการย้ายฐานการผลิต (friendshoring): มีการดำเนินงานและเครือข่ายทั่วโลกเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ
เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อต่างประเทศเข้าถึงที่สุดของไต้หวัน
เมื่อมองหาซัพพลายเออร์หรือพันธมิตรในต่างประเทศ บริษัทต่าง ๆ มักจะประสบปัญหาในการเฟ้นหาบริษัทที่เหมาะสม น่าไว้วางใจและเชื่อถือได้ และการสื่อสารอาจนำมาซึ่งความท้าทายเพิ่มเติม เพื่อเร่งกระบวนการนี้และส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ TAITRA จึงทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลและอำนวยความสะดวกในการประสานกับบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีแนวคิดก้าวหน้าที่สุดบนเกาะไต้หวัน
TAITRA ตอบโจทย์ผู้ซื้อต่างประเทศด้วยบริการต่อไปนี้:
- บริการปรึกษาด้านความต้องการและการจับคู่ธุรกิจ: https://innovation.taitra.org.tw/en/contact-us
- รายชื่อบริษัทที่ครอบคลุม เข้าถึงทางออนไลน์ได้ฟรี: https://innovation.taitra.org.tw/en/supplier-list
- การตรวจสอบเบื้องต้นและคัดกรองว่าบริษัทไว้วางใจได้และน่าเชื่อถือ
- อำนวยความสะดวกในการสื่อสารเพื่อให้การติดต่อประสบความสำเร็จ
เพื่อให้ผู้ซื้อได้ประสานงานกับธุรกิจที่มีความซื่อสัตย์สูง TAITRA จึงได้จัดตั้งบริการแบบเรียลไทม์ไร้พรมแดนผ่านเครือข่ายการค้าที่ครอบคลุมซึ่งมีสำนักงานในต่างประเทศมากกว่า 60 แห่งในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และองค์กรดังกล่าวยังมีข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรพี่น้องที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศมากกว่า 500 แห่ง
เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ชุมชนธุรกิจของไต้หวันแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี:
อีเมล: [email protected]
เยี่ยมชมเว็บไซต์: https://innovation.taitra.org.tw/en/contact-us
Source : ไต้หวันลับเหลี่ยมด้าน AI และความยั่งยืน
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network
