กัวลาลัมเปอร์, 28 ตุลาคม 2024 /PRNewswire/ — เมื่อเร็วๆ นี้ RSPO สังเกตเห็นข้อความที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับร่าง มาตรฐาน RSPO ปี 2024 ที่เกี่ยวข้องกับความยินยอมโดยสมัครใจล่วงหน้าและแจ้งให้ทราบ (FPIC) และส่วนประกอบในการแก้ไขปัญหาการทำลายป่า ซึ่งเผยแพร่โดย อินโฟสวิท และ กรีนพีซ.
RSPO รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับหลักการและเกณฑ์กำหนดของ RSPO ปี 2024 ฉบับปรับปรุงใหม่ และมาตรฐานสำหรับเกษตรกรรายย่อยอิสระปี 2024 เพราะมาตรฐานเหล่านี้ได้รับการพัฒนาโดยการมีส่วนร่วมกับสมาชิกขององค์กรผ่านกระบวนการที่ยาวนาน โปร่งใส และครอบคลุม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราที่มีต่อความยั่งยืน สิทธิชุมชน และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งมาตรฐานนี้ได้รับการรับรองเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการบริหาร RSPO ที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย และเสนอให้สมาชิก RSPO นำไปใช้ในการประชุมสมัชชาใหญ่ ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 มาตรฐานนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มผ่านมาตรฐานที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติและตรวจสอบได้จริง
RSPO ยังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างการดำเนินตาม FPIC
ประเด็นสำคัญประการหนึ่งของมาตรฐานใหม่ ได้แก่ ความมุ่งมั่นอย่างเข้มแข็งต่อประเด็นสิทธิมนุษยชน ซึ่ง RSPO ย้ำว่าไม่มีการผ่อนปรนต่อข้อกำหนดเกี่ยวกับการยินยอมโดยสมัครใจ ล่วงหน้า และแจ้งให้ทราบ (FPIC) ในมาตรฐานที่ปรับปรุงใหม่ ความร่วมมือระดับโลกของเรายังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการปกป้องสิทธิของชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นผ่านกระบวนการ FPIC ที่ชัดเจนและเข้มแข็ง โดยให้แน่ใจว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบได้รับข้อมูลครบถ้วนและให้ความยินยอมก่อนที่จะมีการพัฒนาใดๆ เกิดขึ้นบนที่ดินของพวกเขา
เพื่อจุดประสงค์นี้ RSPO จะยังคงทำงานร่วมกับสมาชิก รวมถึงผู้ปลูกและองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสังคม เพื่อเสริมสร้างวิธีการนำข้อกำหนดของ FPIC ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการโต้แย้งซึ่งมีปัญหาเรื่องมรดกตกทอดอยู่มาก
มาตรฐาน RSPO ใหม่มีแนวทางที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในประเด็นการตัดไม้ทำลายป่า
มาตรฐาน RSPO ห้ามการแปลงพื้นที่ป่าดั้งเดิมตั้งแต่ปี 2005 และห้ามการตัดไม้ทำลายป่าใดๆ (โดยพิจารณาจากการประเมินพื้นที่ที่มีคุณค่าต่อการอนุรักษ์สูงและพื้นที่ป่าที่มีการกักเก็บคาร์บอนสูง) ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2018
ตรงกันข้ามกับการรายงานที่ไม่ถูกต้องของกรีนพีซ การจัดการกับการทำลายป่ายังคงเป็นเกณฑ์สำคัญในมาตรฐาน RSPO การแก้ไขในปี 2024 สร้างขึ้นบนรากฐานที่มั่นคงที่ตั้งไว้โดยหลักการและเกณฑ์ (P&C) ปี 2018 โดยปรับปรุงและเสริมสร้างองค์ประกอบสำคัญเพื่อรับมือกับความท้าทายในการนำไปสู่การปฏิบัติ หัวใจสำคัญของการแก้ไขครั้งนี้ คือ การดำเนินการตามแนวทาง Integrated High Conservation Value-High Carbon Stock (HCV-HCS) คำจำกัดความ HCS ที่แก้ไขเน้นพื้นที่ตัวแทน เช่น การกักเก็บคาร์บอนเหนือพื้นดินและใต้ดิน เพื่อวัดว่าคาร์บอนถูกกักเก็บอย่างไรในระบบนิเวศป่าไม้ และอ้างอิงถึงคู่มือการประเมิน Integrated HCV-HCSA อย่างชัดเจน ซึ่งรวมองค์ประกอบพื้นฐานจากชุดเครื่องมือ HCSA
การรับรองของ RSPO ยังสอดคล้องกับข้อบังคับการทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) แม้ว่าการนำ EUDR ไปปฏิบัติอาจล่าช้า แต่ RSPO จะยังคงเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติตามกฎระเบียบสำหรับสมาชิกของเรา RSPO จะเริ่มเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบติดตามแบบดิจิทัลใหม่ ที่ชื่อว่า Prisma ซึ่งจะสามารถช่วยให้สมาชิกรวบรวมข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่สอดคล้องกับ EUDR ลงในบันทึกการตรวจสอบย้อนกลับของตนได้ จึงทำให้ปฏิบัติตามทั้งข้อกำหนดการรับรอง RSPO และ EUDR ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ที่น่าสังเกตคือ ในฐานะมาตรฐานระดับโลก RSPO พยายามที่จะจัดให้มีความสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบต่างๆ ที่นอกเหนือไปจาก EUDR รวมถึงกฎระเบียบห้ามตัดไม้ทำลายป่าในเขตอำนาจปกครองอื่น และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน แรงงาน และปัญหาความยั่งยืนอื่นๆ เช่น นโยบายด้านเพศสภาพ ยาฆ่าแมลง และการจัดการน้ำ
RSPO ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงประโยชน์ทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกัน เราหวังว่าจะได้หารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่ามาตรฐาน RSPO ปี 2024 จะถูกนำไปสู่การปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใสในระดับสูงสุด สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาอ่านใน RSPO เว็บไซต์.
โลโก้ – https://mma.prnasia.com/media2/2380937/RSPO_Trademark_Logo_transparent_png_Logo.jpg?p=medium600
Source : RSPO ย้ำ FPIC ยังคงเป็นเกณฑ์สำคัญในมาตรฐาน RSPO ปี 2024 เพื่อจัดการกับประเด็นการตัดไม้ทำลายป่า
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network