- บริษัทร่วมทุนนี้จะสร้างโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) แห่งใหม่ขึ้นทั้งหมด ณ สถานที่ของ Stellantis ในเมืองซาราโกซา ประเทศสเปน
- มีแผนจะเริ่มการผลิตภายในสิ้นปี 2569 และอาจมีขีดความสามารถในการผลิตสูงถึง 50 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh)
- Stellantis มุ่งมั่นที่จะนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ Dare Forward 2030 โดยใช้กลยุทธ์เคมีแบตเตอรี่สองรูปแบบ (dual-chemistry strategy) ของบริษัท
- โรงงานนี้จะช่วยให้ CATL สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงและสนับสนุนเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลก
หนิงเต๋อ, จีน, 11 ธันวาคม 2567 /PRNewswire/ — ในวันนี้ Stellantis และ CATL ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงการลงทุนมูลค่าสูงถึง 4.1 พันล้านยูโร เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่จะสร้างโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) ขนาดใหญ่ในยุโรป ที่เมืองซาราโกซา ประเทศสเปน โรงงานนี้ถูกออกแบบให้มีความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยสมบูรณ์ และจะดำเนินงานในหลายระยะตามแผนการลงทุน
โรงงานแห่งนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเริ่มต้นการผลิตภายในสิ้นปี 2569 ณ สถานที่ดำเนินงานของ Stellantis ในซาราโกซา และอาจมีขีดความสามารถในการผลิตสูงสุดถึง 50 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของตลาดไฟฟ้าในยุโรปและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทางการสเปนและสหภาพยุโรป ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนในรูปแบบ 50-50 ระหว่าง CATL และ Stellantis จะช่วยยกระดับกลุ่มผลิตภัณฑ์ LFP ที่ดีที่สุดในยุโรปของ Stellantis ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพสูง ทนทาน และมีราคาเข้าถึงได้ ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ครอสโอเวอร์ และ SUV ในเซ็กเมนต์ B และ C ที่มีระยะการขับขี่ระดับปานกลาง
ในเดือนพฤศจิกายน 2566 Stellantis และ CATL ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจที่ไม่มีผลผูกพัน (non-binding MOU) เพื่อดำเนินการจัดหาแบตเตอรี่ LFP และโมดูลแบตเตอรี่ในภูมิภาค สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป รวมถึงตกลงทำความร่วมมือระยะยาวในสองด้านเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ การพัฒนาแผนโรดแม็ปเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) เทคโนโลยีขั้นสูงของ Stellantis และสำรวจหาโอกาสเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ห่วงโซ่คุณค่าแบตเตอรี่
"Stellantis มุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ลดการปล่อยคาร์บอน โดยการนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงทั้งหมดที่มีมาใช้ เพื่อมอบรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่แข่งขันได้ให้แก่ลูกค้า" John Elkann ประธานของ Stellantis กล่าว "ความร่วมมือที่สำคัญนี้กับ CATL ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา จะนำการผลิตแบตเตอรี่ที่ล้ำสมัยมาสู่โรงงานผลิตซึ่งเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนอยู่แล้ว เพื่อผลักดันแนวทางเพื่อความยั่งยืนแบบครบวงจร ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมทำให้การประกาศข่าวในวันนี้กลายเป็นความจริง รวมถึงทางการสเปนที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง"
"การร่วมทุนครั้งนี้ได้ยกระดับความร่วมมือของเรากับ Stellantis ไปสู่ระดับใหม่ และผมเชื่อว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล้ำสมัยและความรู้ในการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของ CATL รวมกับประสบการณ์หลายทศวรรษของ Stellantis ในการดำเนินธุรกิจในท้องถิ่นที่ซาราโกซาจะสร้างเรื่องราวความสำเร็จครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างแน่นอน" Robin Zeng ประธานและซีอีโอของ CATL กล่าว "เป้าหมายของ CATL คือการทำให้ทั่วโลกสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ปลอดคาร์บอนได้ และเรารอคอยที่จะได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกผ่านรูปแบบความร่วมมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่"
CATL นำเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ล้ำสมัยมาสู่ยุโรปด้วยโรงงานสองแห่งในเยอรมนีและฮังการี ซึ่งดำเนินงานแล้วในปัจจุบัน ส่วนโรงงานในสเปนจะเสริมศักยภาพของบริษัทในการสนับสนุนเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของลูกค้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (e-mobility) และการเปลี่ยนผ่านพลังงานในยุโรปและตลาดโลกไปอีกขั้น
Stellantis ใช้แนวทางเคมีแบตเตอรี่สองรูปแบบ นั่นคือลิเธียมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ออกไซด์ (NMC) และลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งหมด และกำลังสำรวจหาเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่และชุดแบตเตอรี่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ Stellantis กำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2581 โดยครอบคลุมทุกระดับดำเนินงาน ด้วยการชดเชยการปล่อยก๊าซที่เหลือในระดับตัวเลขหลักเดียว
คาดว่าการดำเนินการตามข้อตกลงนี้จะเสร็จสิ้นภายในปี 2568 และอยู่ภายใต้เงื่อนไขด้านกฎระเบียบตามปกติ
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network