ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 16 ต.ค. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
ในระหว่างการประชุมอัลตราบรอดแบนด์ (UBBF) ประจำปี 2566 คุณริชาร์ด หลิว (Richard Liu) ประธานฝ่ายการตลาดและโซลูชันกลุ่มธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคมของหัวเว่ย (Huawei) ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "เปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ด้วยการเชื่อมต่ออัจฉริยะระดับพรีเมียม" (Embracing New Opportunities with Premium Intelligent Connectivity) โดยคุณริชาร์ดอธิบายว่า การเชื่อมต่ออัจฉริยะระดับพรีเมียมนั้นมีขีดความสามารถหลัก ๆ อยู่ 5 ประการ และเผยว่าผู้ให้บริการเครือข่ายจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อดังกล่าว เพื่อคว้าโอกาสใหม่ ๆ ในยุคความชาญฉลาดทางดิจิทัล
ขีดความสามารถทั้ง 5 นี้ได้แก่
กิกะบิตที่แพร่หลาย: เมื่อบริการสมาร์ทโฮมและโฮมคลาวด์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เครือข่ายของผู้ให้บริการจะต้องพร้อมนำเสนอการเชื่อมต่อกิกะบิตที่แพร่หลาย และพร้อมพัฒนาไปสู่ 10G โซลูชัน FTTR ของหัวเว่ยครอบคลุม Wi-Fi ทั่วทั้งบ้าน และโซลูชัน XGS-PON ก็ตรงตามข้อกำหนดของการเชื่อมต่อกิกะบิตต้นน้ำและปลายน้ำแบบสมมาตรสำหรับบริการคลาวด์ในบ้าน นอกจากนี้ โซลูชัน 50G PON ของหัวเว่ยยังช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายพัฒนาเครือข่ายการเข้าถึงของตนไปสู่การเข้าถึง 10G ได้อย่างราบรื่น มอบประสบการณ์บริการบ้านที่ดียิ่งขึ้น
ไฟร์วอลล์: บริการเข้าถึงระบบคลาวด์และอินเทอร์เน็ตที่นำเสนอให้กับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) กำหนดให้ผู้ให้บริการเครือข่ายต้องให้บริการคลาวด์ เครือข่าย และไฟร์วอลล์แบบครบวงจร โดยโซลูชัน Cloud-Network Express+ ของหัวเว่ยให้บริการไอซีที (ICT) แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบริการจัดการสายส่วนตัว ไฟร์วอลล์ และไวไฟ เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำหรับการเชื่อมต่ออัลตราบรอดแบนด์ด้วยไฟร์วอลล์
อัลตราบรอดแบนด์แบบยืดหยุ่น: เมื่อองค์กรหลายแห่งแห่ย้ายระบบการผลิตหลักของตน รวมถึงระบบอัตโนมัติในสำนักงาน ไปยังระบบคลาวด์ จึงจำเป็นต้องมีอัลตราบรอดแบนด์แบบยืดหยุ่นซึ่งมีความเร็วตั้งแต่ 100 Mbps ถึง 1,000 Mbps และสูงถึง 10 Gbps โดยโซลูชันแกนหลักแบบมัลติคลาวด์และสายส่วนตัว OTN ของหัวเว่ย นำเสนอการแบ่งส่วนเครือข่ายได้มากกว่า 100,000 ส่วน และให้แบนด์วิดท์ใหญ่มาก ช่วยให้ผู้ให้บริการได้เครือข่ายการเข้าถึงแบบมัลติคลาวด์ และรับประกันระบบคลาวด์ขององค์กร
เวลาแฝงต่ำ: แอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น การสตรีมสดและอินเทอร์เน็ตของยานพาหนะ (IoV) ได้เข้ามาส่งเสริมนวัตกรรมบริการเอดจ์ ผลักดันผู้ให้บริการเครือข่ายให้ออกแบบเครือข่ายการขนส่งใหม่เพื่อลดเวลาแฝง หัวเว่ยขอนำเสนอเทคโนโลยี 400G + OXC เพื่อช่วยผู้ให้บริการในการเปิดตัวเครือข่ายอัลตราบรอดแบนด์ที่มี DC เป็นศูนย์กลางและมีเวลาแฝงต่ำ ซึ่งสามารถพัฒนาเป็น 800G และให้บริการที่มีเวลาแฝง 10 มิลลิวินาทีได้ เพื่อกระตุ้นการพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ ๆ
การส่งข้อมูลอัจฉริยะแบบไม่สูญเสีย: ในยุคประมวลผลอัจฉริยะนั้น การพัฒนาการส่งข้อมูลและพลังการประมวลผลร่วมกัน จำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายประมวลผลของผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อนำเสนอการส่งข้อมูลแบบไม่สูญเสียอย่างชาญฉลาด สำหรับการเชื่อมต่อภายในคลาวด์นั้น โซลูชันเอไอ เน็ตเวิร์ก เทอร์โบ (AI Network Turbo) ของหัวเว่ย สามารถปรับสมดุลโหลดได้อย่างชาญฉลาด และสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างคลาวด์นั้น หัวเว่ยมอบความสามารถเครือข่ายการรับส่งข้อมูล 400G แบบครบวงจรที่พร้อมวิวัฒนาการเป็น 800G ได้อย่างราบรื่น และเร่งการใช้บริการประมวลผลเชิงพาณิชย์ในวงกว้าง
พลังขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมจำเป็นต้องสร้างขึ้นอย่างยั่งยืนจากทั้งเทคโนโลยีและธุรกิจ โดยในแง่ของเทคโนโลยีนั้น หัวเว่ยยังคงทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายและสถาบันมาตรฐานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรม 5.5G และเครือข่ายเป้าหมายที่มุ่งเน้น 5.5G การทำเช่นนี้เปิดโอกาสให้ตอบสนองความต้องการในการทำโมบายแบ็กฮอลล์ 100G และรับส่งข้อมูลบนเครือข่าย 400G/800G อันเป็นผลจากการเข้าถึง 10Gbps อย่างแพร่หลาย ส่วนในแง่ของธุรกิจนั้น หัวเว่ยร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคม เพื่อนำเสนอการเชื่อมต่ออัจฉริยะระดับพรีเมียม เพิ่มการใช้งานเชิงพาณิชย์ในสถานการณ์สำคัญ และปลดล็อคคุณประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ทั้งนี้ คุณริชาร์ดเน้นย้ำถึงความสามารถของหัวเว่ย ในการเปิดตัวการเชื่อมต่ออัจฉริยะระดับพรีเมียม โดยทุกวันนี้ให้บริการโซลูชันล้ำสมัยจำนวนมากในเชิงพาณิชย์แล้วทั่วโลก หัวเว่ยยึดมั่นในแนวคิด "จากขีดสุดสู่ความเป็นเลิศ" (From Extreme to Excellence) และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อสร้างการเชื่อมต่ออัจฉริยะระดับพรีเมียม ให้ทุกฝ่ายเจริญก้าวหน้าไปด้วยกันในยุคดิจิทัล
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network