ปักกิ่ง–20 ตุลาคม 2566–พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายจอห์น รอสส์ (John Ross) นักเขียนชาวอังกฤษและนักวิชาการอาวุโสของสถาบันการเงินศึกษาฉงหยาง (Chongyang Institute for Financial Studies) ได้กล่าวสุนทรพจน์ ณ การประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการ ภายใต้การประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation) ครั้งที่ 3 โดยมีบุคคลสำคัญจากนานาประเทศมาร่วมแสดงความชื่นชมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ซึ่งตอกย้ำความนิยมของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางในฐานะสินค้าสาธารณะระหว่างประเทศและเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ
"นี่คือสองขั้วที่มีความสำคัญอย่างแท้จริงในโลกทุกวันนี้" เขากล่าว
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางได้พัฒนาจากแนวคิดมาสู่การปฏิบัติจริง และจากวิสัยทัศน์มาสู่ความเป็นจริง โดยรถไฟและรถบรรทุกได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการค้าในยุคใหม่ เฉกเช่นเดียวกับที่คาราวานอูฐเคยเป็นสัญลักษณ์ของการค้าในอดีต ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและโรงไฟฟ้าพลังงานลมได้ช่วยขจัดปัญหาคอขวดในการพัฒนาของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ก็ได้สร้างแรงผลักดันที่สดใหม่ให้กับการเติบโตของภูมิภาค
จนถึงขณะนี้ ประเทศต่าง ๆ มากกว่า 150 ประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศมากกว่า 30 แห่ง ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง ขณะที่ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางได้ขยายความครอบคลุมจากภูมิภาคยูเรเชียไปสู่แอฟริกาและลาตินอเมริกา
"เมื่อนานาประเทศยอมรับความร่วมมือและลงมือปฏิบัติร่วมกัน รอยแยกลึกก็กลายเป็นเส้นทางที่เชื่อมถึงกัน ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลก็เชื่อมถึงกันทางบกได้ และพื้นที่ด้อยพัฒนาก็เปลี่ยนเป็นดินแดนแห่งความเจริญรุ่งเรือง" ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่า ความสำเร็จดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าความร่วมมือสายแถบและเส้นทางอยู่บนฝั่งที่ถูกต้องของหน้าประวัติศาสตร์ พร้อมเสริมว่า "ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางแสดงถึงความก้าวหน้าในยุคสมัยของเรา และเป็นเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับการก้าวไปข้างหน้า"
นางอิรินา จอร์จีวา โบโกวา (Irina Georgieva Bokova) อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กล่าวในการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการว่า ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติมาโดยตลอด
ทั้งนี้ เหล่าผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางได้มีฉันทามติร่วมกันว่า การที่จีนส่งเสริมความร่วมมือสายแถบและเส้นทางนั้น จีนไม่ได้แสวงหาความทันสมัยเพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ยังทำเพื่อประเทศกำลังพัฒนาทั้งหมดผ่านความพยายามร่วมกันอีกด้วย
นายยีรี ปารูเบก (Jiri Paroubek) อดีตนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็ก กล่าวในการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการว่า โครงการต่าง ๆ ภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางได้สร้างโอกาสในการทำงาน ขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของหลายสิบประเทศ ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนมากมาย
"แท้จริงแล้ว ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางเป็นโครงการทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในโลกในปัจจุบัน" เขากล่าว
ทั้งนี้ กลไกหลักที่ขับเคลื่อนการสร้างประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่นำเสนอโดยจีนและสอดคล้องกับข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ก็คือโลกาภิวัตน์ ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกให้การยอมรับอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ (Global South)
โลกาภิวัตน์เป็นกระแสที่กำลังเติบโตซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศ เพิ่มการส่งออก และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้อีกด้วย ซึ่งนำไปสู่การส่งเสริมนวัตกรรมและเสริมสร้างขีดความสามารถ ในขณะที่ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมทั่วโลกเข้าด้วยกัน
นายเกอร์เซกอร์ซ โกลอดโก (Grzegorz Kolodko) อดีตรองนายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ กล่าวในการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการว่า ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางเป็น "กลไกที่ทรงพลังในการทำให้โลกาภิวัตน์ไม่สามารถทวนกลับได้ เพราะจะดำเนินต่อไปและมีแต่จะครอบคลุมมากขึ้นเท่านั้น"
"นั่นคือสิ่งที่จีนเรียกว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย" เขากล่าว
นายออง ที เคียต (Ong Tee Keat) ประธานของ Center for New Inclusive Asia กล่าวในการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการว่า ในโลกแห่งความคลางแคลงใจและการบิดเบือนนั้น ข้อริเริ่มด้านอารยธรรมระดับโลก (Global Civilization Initiative) ที่นำเสนอโดยจีน ได้กลายเป็นกำลังสำคัญในการท้าทายอำนาจครอบงำทางวัฒนธรรม
เขากล่าวว่า ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางมีความพยายามที่จะสร้างวาทกรรมระดับโลกเพื่อขวางอิทธิพลของจีน อย่างไรก็ดี ข้อริเริ่มสำคัญทั้งสามของจีน รวมถึงข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง มีเป้าหมายที่จะต่อสู้กับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ด้วยการนำเสนอข้อเท็จจริงและข้อมูลสถิติต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพลังให้กับภาคประชาสังคมและบุคคลที่มีความคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศซีกโลกใต้
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวในพิธีเปิดการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางว่า ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางก้าวข้ามความแตกต่างระหว่างอารยธรรม วัฒนธรรม ระบบสังคม และระยะของการพัฒนา รวมถึงเปิดเส้นทางใหม่สำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างนานาประเทศ ทั้งยังสร้างกรอบใหม่สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศอีกด้วย
Source : CGTN: "ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง" เวทีสำคัญสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network