สิงคโปร์, 25 ต.ค. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
ฮันนี่เวลล์ (Honeywell) ประกาศให้บริการเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชั่นส์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกสามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนจากแหล่งวัตถุดิบทดแทนหลากหลายแหล่ง
ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด เนื่องจากมีการเร่งผลักดันความร่วมมือด้านความยั่งยืนเพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ด้วยเหตุนี้ บริษัทต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีความพร้อมและสามารถช่วยให้โรงกลั่นผลิตเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดของเสีย และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
เพื่อช่วยลูกค้าจัดการกับความท้าทายนี้ และพร้อมตอบสนองความต้องการพลังงานหมุนเวียนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ฮันนี่เวลล์ ยูโอพี (Honeywell UOP) ขอแนะนำโซลูชั่นส์ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) รวมไปถึงน้ำมันดีเซลพลังงานหมุนเวียน และเชื้อเพลิงทดแทนอื่น ๆ จากแหล่งวัตถุดิบทดแทนจากธรรมชาติที่มีศักยภาพหลากหลายแหล่ง ทั้งนี้ เทคโนโลยีเชื้อเพลิงทดแทนของฮันนี่เวลล์ ประกอบด้วย:
- Honeywell Ecofining™ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์และใช้งานมาแล้วทั่วโลก เทคโนโลยีนี้จะผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล[i]
- Ethanol to Jet fuel (ETJ) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานจากเอทานอล โดยขึ้นอยู่กับประเภทของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเอทานอล น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ผลิตจากกระบวนการ ETJ ของฮันนี่เวลล์สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ผลิตจากปิโตรเลียม[ii]
- Honeywell UOP eFining™ เป็นเทคโนโลยีการเปลี่ยน eMthanol เป็น eSAF และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ นอกจากนี้เทคโนโลยี eFining ของฮันนี่เวลล์ ยูโอพี สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 88% เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงเครื่องบินทั่วไป[iii]
- Rapid Thermal Processing (RTP) เทคโนโลยีการเปลี่ยนวัตถุดิบชีวมวลให้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนเพื่อทำความร้อน ให้พลังงาน และเพื่อการขนส่ง
"ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิงทดแทน ฮันนี่เวลล์ตระหนักดีว่าการสร้างสรรค์เทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำจากตัวเลือกวัตถุดิบทดแทนที่หลากหลาย นั้นมีความสำคัญต่อการลดการปล่อยคาร์บอนทั่วเอเชียแปซิฟิกในระยะยาว" แม็ท สปาลด์ดิ้ง รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของฮันนี่เวลล์ ยูโอพี เอเชียแปซิฟิก กล่าว "ความสามารถในการใช้วัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตเชื้อเพลิงที่หลากหลายถือเป็นโอกาสในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับตลาด ซึ่งฮันนี่เวลล์ตระหนักดีและพร้อมนำเสนอทางเลือกด้วยเทคโนโลยี UOP eFining™, Ecofining, ETJ และ RTP เพื่อตอบสนองความต้องการเชื้อเพลิงทดแทนที่หลากหลายและเติบโตอย่างรวดเร็ว"
นอกจากสนับสนุนเทคโนโลยีและโซลูชันส์ใหม่ ๆ แล้ว ฮันนี่เวลล์ยังมีความเชี่ยวชาญในการปรับปรุงโรงกลั่นที่มีอยู่เดิมให้สามารถผลิตเชื้อเพลิงทดแทนได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ทำให้การเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้เชื้อเพลิงทดแทนนั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า
เพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์เหล่านี้ ฮันนี่เวลล์จึงนำเสนอดิจิทัลโซลูชันส์ที่ครอบคลุมซึ่งประกอบไปด้วยเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีความปลอดภัยสูงก่อการโจมตีทางไซเบอร์และได้รับการออกแบบมาเพื่อให้พร้อมใช้งานตั้งแต่วันแรก นอกจากนี้ยังสามารถขยายขนาด และรวมเข้ากับระบบเดิมได้อย่างราบรื่น
"ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของฮันนี่เวลล์ในการควบคุมกระบวนการผลิตและระบบอัตโนมัติ ควบคู่ไปกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้ออกใบอนุญาตเทคโนโลยีกระบวนการผลิตชั้นนำ เรากำลังบุกเบิกโรงกลั่นดิจิทัลแห่งอนาคต" ทาธากาทา บาซู ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายตลาดการกลั่นและปิโตรเคมีของฮันนี่เวลล์ โพรเซส โซลูชันส์ (Honeywell Process Solutions) กล่าวว่า "เราตั้งเป้าเป็นผู้นำเทคโนโลยีดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมนี้ด้วยผลงานดิจิทัลโซลูชันส์แบบครบวงจรที่ช่วยให้ลูกค้าสร้างและดำเนินงานได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และคล่องตัว เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและความยั่งยืน"
ฮันนี่เวลล์นำเสนอชุดโซลูชันส์เอ็กซ์พีเรียน (Experion® Solution Suites) ที่มีความปลอดภัยทางไซเบอร์ และดิจิทัลโซลูชันส์ ฟอร์จ เพอร์ฟอร์แมนซ์ พลัส (Forge Performance+ digital solutions) โดยรวบรวมความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกระบวนการผลิตลงในระบบอัตโนมัติ ซึ่งใช้พลังของเทคโนโลยีเสมือน และดิจิทัล ทวิน(Digital Twins) และขณะเดียวกันก็พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่มีความเป็นมนุษย์ เพื่อตอบสนองการดำเนินงานสำหรับอนาคต
ฮันนี่เวลล์มุ่งมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินงานและตามโรงงานต่าง ๆ ภายในปี 2578 ทั้งนี้ ราว 60% ของการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของฮันนี่เวลล์ในปี 2565 นั้น มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการด้าน ESG ให้แก่ลูกค้า
เกี่ยวกับฮันนี่เวลล์
ฮันนี่เวลล์ (Honeywell) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร โดยให้บริการอุตสาหกรรมในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ครอบคลุมระบบอัตโนมัติที่เป็น 3 เมกะเทรนด์ ได้แก่ อนาคตของภาคการบิน และการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากระบบปฏิบัติการ ฮันนี่เวลล์ แอคเซลเลอเรเตอร์ (Honeywell Accelerator) และแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์แบบเบ็ดเสร็จ ฮันนี่เวลล์ คอนเนคเต็ด เอ็นเทอร์ไพรซ์ (Honeywell Connected Enterprise) ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ เราช่วยให้องค์กรต่าง ๆ แก้ไขปัญหาท้าทายที่ยากที่สุดและซับซ้อนที่สุดในโลกด้วยการมอบโซลูชันส์และนวัตกรรมที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อช่วยทำให้โลกฉลาดขึ้น ปลอดภัยขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น สำหรับข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮันนี่เวลล์ โปรดเข้าชมที่ www.honeywell.com/newsroom
[i] อ้างอิงจากการวิเคราะห์ประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (LCA) ซึ่งดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมิชิแกน (Michigan Technological University) ภายใต้การกำกับของดร.เดวิด ชาร์นนาร์ด (Dr. David Shonnard) [ii] อ้างอิงจากบทสรุปการประเมินวัฏจักรชีวิตการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอ้อย จัดทำโดยสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) [iii] การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงนั้นอ้างอิงจากการวิเคราะห์ความเข้มข้นของคาร์บอนโดยยูโอพี ซึ่งได้จากการศึกษาของหน่วยงานภายนอกเรื่องการผลิตเมทานอลจากไฮโดรเจนสีเขียวและคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ดักจับได้จากกระบวนการชีวมวล เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล |
สื่อมวลชนติดต่อ:
แอนนา แรมลี (Anna Ramli)
โทร. +60122124439
อีเมล: [email protected]
Source : ฮันนี่เวลล์ขอแนะนำเทคโนโลยีเชื้อเพลิงทดแทนสำหรับธุรกิจโรงกลั่นในเอเชียแปซิฟิก
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network