สถาบัน FII มีมติลดความเหลื่อมล้ำด้านการลงทุน 5.4 ล้านล้านในตลาดเกิดใหม่

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย, 26 ตุลาคม 2566 /PRNewswire/ — ในการประชุมสุดยอดระดับโลกของสถาบันโครงการลงทุนเพื่ออนาคต (Future Investment Initiative) หรือ FII ที่กรุงริยาด บรรดาผู้นำและนักลงทุนได้มีมติจัดการกับข้อบกพร่องด้าน ESG โดยอาศัยข้อมติเพิ่มการลงทุนด้าน ESG ในตลาดเกิดใหม่ (Resolution to Increase ESG Investment in Emerging Markets)

FUTURE INVESTMENT INITIATIVE INSTITUTE RESOLVES TO REMOVE 5.4 TRILLION INVESTMENT GAP IN EMERGING MARKETS
FUTURE INVESTMENT INITIATIVE INSTITUTE RESOLVES TO REMOVE 5.4 TRILLION INVESTMENT GAP IN EMERGING MARKETS

ข้อมติเพิ่มการลงทุนด้าน ESG ในตลาดเกิดใหม่ที่ว่านี้ เป็นผลพวงจากการที่ทางสถาบัน FII เรียกประชุมผู้นำและนักลงทุนจากตะวันตก ตะวันออก และซีกโลกใต้ เพื่อร่วมดำเนินการรับมือกับความไม่เสมอภาคในกรอบการดำเนินงาน ESG ในปัจจุบัน

ตลาดเกิดใหม่ประกอบด้วยประชากร 86% ของโลก และมี GDP คิดเป็นสัดส่วน 58% ของทั้งโลก แต่ได้รับการลงทุนด้าน ESG ไม่ถึง 10% โดยกลไกผลักดันการเติบโตในอนาคตนี้ยังห่างไกลจากระดับที่จำเป็นเพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน และไม่เพียงพอที่จะบรรลุช่องว่างการลงทุน 2.5-3.7 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจำเป็นในการเดินหน้าตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDG) ของสหประชาชาติในประเทศกำลังพัฒนาด้วย

จากข้อจำกัดในปัจจุบันเกี่ยวกับเครื่องมือข้อมูลด้าน ESG ที่ประชุมจึงมีมติเรียกร้อง ดังต่อไปนี้

  • ความมุ่งมั่นจากพันธมิตรของสถาบัน FII ในการดำเนินการด้าน ESG แบบครอบคลุม โดยมีเป้าหมายในการเพิ่ม AUM ในตลาดเกิดใหม่เป็น 30% ของพอร์ตการลงทุนด้านความยั่งยืนทั่วโลกภายในปี 2573
  • เร่งใช้มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนระดับสากลอย่างเร่งด่วนในตลาดเกิดใหม่และตลาดที่พัฒนาแล้ว
  • ผลักดันการเปิดตัวมาตรฐานของคณะกรรมการมาตรฐานความยั่งยืนระหว่างประเทศ (International Sustainability Standards Board) อย่าง IFRS-1 และ IFRS-2 ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาความครอบคลุมด้าน ESG และคุณภาพข้อมูล
  • ผู้มีส่วนร่วมในตลาดต้องรายงานและให้ข้อมูลที่โลกต้องการ เพื่อให้ตัดสินใจเลือกการลงทุนได้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สถาบัน FII จะยังคงใช้อำนาจในการชักจูงเพื่อส่งเสริมวาระ ESG แบบครอบคลุมในการประชุมสุดยอดไพรออริตี (PRIORITY Summit) ทั่วโลก เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลและภาคการเงินภาคเอกชนรับมือกับความท้าทายนี้

คุณริชาร์ด แอตเทียส (Richard Attias) ซีอีโอของสถาบัน FII กล่าวว่า

"ความโน้มเอียงในการจัดอันดับด้าน ESG ที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของโลก กำลังแย่งชิงเงินจำนวนหลายล้านล้านดอลลาร์ไปจากตลาดกำลังพัฒนา ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เครื่องมือข้อมูล ESG ที่มีอยู่มักมีข้อจำกัดเรื่องเวลา ทำให้เอื้อต่อตลาดพัฒนาแล้วมากกว่า โดยการบรรลุวัตถุประสงค์ดั้งเดิมในการขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นนั้น จำเป็นต้องสร้างความไม่แบ่งแยกในวงกว้างเพื่อให้ ESG เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อทุกประเทศ ทุกภูมิภาค และทั่วโลก"

เกี่ยวกับสถาบัน FII

สถาบันโครงการลงทุนเพื่ออนาคต หรือสถาบัน FII คือมูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและมีเครื่องมือการลงทุนและมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือการสร้างอิทธิพลเชิงบวกต่อมนุษยชาติ เราดำเนินงานอย่างครอบคลุมในระดับโลก เราส่งเสริมผู้มีไอเดียดี ๆ จากทั่วโลกและเปลี่ยนไอเดียเหล่านั้นให้เป็นโซลูชันที่ใช้งานได้จริงในสี่ส่วนสำคัญด้วยกัน ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิทยาการหุ่นยนต์ การศึกษา การดูแลสุขภาพ และความยั่งยืน

รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2257115/ESG_Resolution_PR.jpg?p=medium600
โลโก้ – https://mma.prnasia.com/media2/1811613/4361794/FII_Institute_Logo.jpg?p=medium600

 

 

Source : สถาบัน FII มีมติลดความเหลื่อมล้ำด้านการลงทุน 5.4 ล้านล้านในตลาดเกิดใหม่

This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network

Share

Latest Updates

Most Viewed

Related Articles