TLG เปิดตัวในยุโรป โดยเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในสวิตเซอร์แลนด์
มิลาน, 9 พ.ย. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน บริษัทไถ่หลิง (TAILG) ได้จัดแสดงแบรนด์ใหม่ที่งาน EICMA นิทรรศการชั้นนำของอิตาลีสำหรับรถจักรยานยนต์ โดยไถ่หลิงได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ในชื่อ TLG ให้กับผู้ชมทั่วโลก พร้อมลงนามข้อตกลงเปิดแฟลกชิปสโตร์ (Flagship Store) แห่งแรกในยุโรปที่สวิตเซอร์แลนด์
TLG แบรนด์ใหม่ของไถ่หลิง เปิดตัวอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
TLG เป็นแบรนด์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการการเดินทางในเมืองด้วยจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) กว่า 20 ปีของไถ่หลิงในภาคยานพาหนะไฟฟ้าสองล้อและสามล้อ แบรนด์ TLG คือการแสดงออกถึงแนวคิด Try · Love · Go (ลอง · เลิฟ · ลุย) โดยมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อกำหนดรูปแบบไลฟ์สไตล์การเดินทางในเมืองอย่างสมาร์ตและเหมาะกับแต่ละคน
ผู้ก่อตั้งไถ่หลิงทั้งสี่คนขึ้นเวทีเพื่อเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในงานเปิดตัว
คุณซุน มู่ไฉ (Sun Muchai) รองประธานอาวุโสของไถ่หลิงเน้นย้ำว่า แบรนด์ TLG ที่ได้รับการสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีที่กว้างขวางและโครงสร้างพื้นฐานการผลิตอัจฉริยะของไถ่หลิงในภาคยานพาหนะไฟฟ้า สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของทางเครือฯ ที่มีต่อตลาดโลก
ไถ่หลิงทุ่มเทอย่างต่อเนื่องเพื่อสำรวจแนวคิดสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ของผู้ขับขี่ทั่วโลกที่ใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้า ในฐานะพันธมิตรด้านการสัญจรด้วยยานพาหนะไฟฟ้าของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme) หรือ UNEP ไถ่หลิงได้ร่วมมือกับ UNEP อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนหลักการโซลูชันการสัญจรแบบคาร์บอนต่ำและการสัญจรด้วยยานพาหนะไฟฟ้าทั่วโลกเป็นเวลาหลายปี
"ไถ่หลิงมุ่งมั่นที่จะมอบโซลูชันการเดินทางระยะสั้นแบบสมาร์ตแก่ผู้ใช้ ที่มีทั้งความเรียบง่าย ความสง่างาม ความชาญฉลาด และความคล่องตัวเข้าด้วยกัน นอกจากนี้เรายังปรารถนาที่จะมอบประสบการณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่ไฮเทค ยืดหยุ่น และยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชน เราหวังว่าผู้บริโภคจะหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ขับขี่" คุณซุนกล่าวเสริม
เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการทั่วโลก
ในฐานะผู้นำเทรนด์ระดับโลกสำหรับรถสองล้อ การตัดสินใจของไถ่หลิงที่จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่าง TLG ที่งาน EICMA ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดยานพาหนะสองล้อทั่วโลกมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุโรปที่นำโดยฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี และเนเธอร์แลนด์
สำหรับการนำเสนอโซลูชันการเดินทางระยะสั้นที่ปล่อยคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบเหนือชั้นแก่ผู้บริโภคชาวยุโรป TLG ได้วางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในตลาดระดับกลางถึงสูง และมุ่งมั่นที่จะจัดหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นแต่ละแห่งในภูมิภาค พฤติกรรมผู้ใช้ และกลุ่มตลาด โดยมุ่งเน้นไปที่จักรยานไฟฟ้า (E-Bikes) และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (E-scooters)
ในระหว่างงานเปิดตัว มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ รวมถึง GTS, CTS และ TL6
ขณะเดียวกัน ไถ่หลิงกับพันธมิตรทางธุรกิจได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการเปิดแฟลกชิปสโตร์ของ TLG แห่งแรกในยุโรปอย่างเป็นทางการ โดยร้านขนาด 400 ตารางเมตรนี้จะเปิดให้บริการในสวิตเซอร์แลนด์ในเร็ว ๆ นี้ และจะเป็นร้านแห่งแรกในยุโรปที่ผู้บริโภคในท้องถิ่นจะได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของ TLG อย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัว
ที่งาน EICMA ประจำปี 2566 ไถ่หลิงยังได้เปิดเผยผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ รวมถึงโมเดล S1, S2 และ ETS ซึ่งเหมาะสำหรับชาวเมือง นอกจากนี้ยังมีโมเดลแข่งรถวิบากสองรุ่น TY3 และ TY3 PRO ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่สายลุย การเปิดตัวโมเดลเหล่านี้ทำให้ไถ่หลิงมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้
เกี่ยวกับไถ่หลิง
ไถ่หลิง (TAILG) ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน โดยเป็นเครือบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ดำเนินการวิจัยและพัฒนา (R&D) ผลิต จำหน่าย และจัดหาบริการต่าง ๆ สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึงบริการเช่ารถ ชาร์จแบตเตอรี่ เปลี่ยนแบตเตอรี่ ตลอดจนบริการอื่น ๆ ตลอดทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรม ไถ่หลิงมีศูนย์ R&D มาตรฐานสูงและเป็นเจ้าของสิทธิบัตรระดับชาติมากกว่า 1,000 รายการ บริษัทมีฐานการผลิต 9 แห่งในจีน โดยมีกำลังการผลิตยานพาหนะต่อปีรวมกันมากกว่า 12 ล้านคัน นอกจากนี้ ไถ่หลิงยังมีร้านค้ามากกว่า 30,000 แห่ง และส่งออกยานพาหนะไปมากกว่า 90 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tailg.com/
Source : TLG แบรนด์ใหม่ของไถ่หลิง เปิดตัวอย่างน่าตื่นตาตื่นใจที่งาน EICMA ในมิลาน อิตาลี
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network