- เอไอ: การศึกษา "อนาคตของการประกันคุณภาพปี 2566" โดยแลมบ์ดาเทสต์แสดงให้เห็นว่า 78% ของผู้ทดสอบซอฟต์แวร์ได้นำเอไอบางรูปแบบมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานต่าง ๆ เช่น การสร้างกรณีทดสอบและการวิเคราะห์การทดสอบ
- ข้อกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ: เนื่องจากความน่าเชื่อถือของซอฟต์แวร์ในระดับต่ำส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากขึ้นในปี 2566 ทางทีมงานจึงตอบสนองโดยพยายามปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการทดสอบซอฟต์แวร์ของตน
- การปรับปรุงปัญหาคอขวด: ยังคงมีปัญหาคอขวดในกระบวนการทดสอบ โดย 74% ของทีม QA ทำการทดสอบอัตโนมัติโดยไม่มีระบบจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อระยะเวลาตอบสนองต่อปัญหา
นอยดา, อินเดีย และซานฟรานซิสโก, 7 ธันวาคม 2566 /PRNewswire/ — การศึกษา "อนาคตของการประกันคุณภาพปี 2566" (Future of Quality Assurance 2023) ฉบับใหม่โดยแลมบ์ดาเทสต์ (LambdaTest) ซึ่งทำการสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบซอฟต์แวร์ 1,615 รายจาก 70 ประเทศ ได้ให้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการทดสอบซอฟต์แวร์ในปี 2566 รวมถึงพบว่า 78% ของผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้ได้นำเอไอ (AI) ไปใช้ในกระบวนการทำงานของตนแล้ว
นอกจากนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวของแลมบ์ดาเทสต์ยังแสดงให้เห็นว่า บริษัทต่าง ๆ พยายามทำให้ซอฟต์แวร์ของตนมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดย 72% ขององค์กรกลุ่มนี้ได้นำทีมทดสอบซอฟต์แวร์มาร่วมประชุมวางแผน "สปรินต์" (sprint) ซึ่งส่งสัญญาณความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญว่า มีการหันมาเน้นเรื่องคุณภาพซอฟต์แวร์กันตั้งแต่ช่วงต้น ๆ ของวงจรชีวิตการพัฒนาซอฟต์แวร์ อย่างไรก็ตาม องค์กรขนาดเล็กยังคงตามหลังในด้านนี้อยู่ โดยมีเพียง 61.60% เท่านั้นที่นำทีมทดสอบมาร่วมวางแผนสปรินต์ทุกครั้ง
ท่ามกลางการปรับปรุงประสิทธิภาพเหล่านี้ ผลการสำรวจพบว่ามีการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ทดสอบซอฟต์แวร์รายงานว่าตนได้ใช้เอไอสำหรับงานต่าง ๆ รวมถึง การสร้างข้อมูลการทดสอบโดยอัตโนมัติ (51%) การเขียนโค้ดสำหรับการทดสอบอัตโนมัติ (45%), การวิเคราะห์และการรายงานผลการทดสอบ (36%) และการสร้างกรณีทดสอบ (46%)
ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ผลการศึกษาเปิดเผยคือ แม้ว่า 89% ขององค์กรจะใช้เครื่องมือ CI/CD (Continuous Integration and Continuous Delivery) เพื่อปรับใช้และดำเนินการทดสอบโดยอัตโนมัติ แต่มีเพียง 45% ขององค์กรเท่านั้นที่เรียกใช้การทดสอบอัตโนมัติด้วยตนเอง และไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือ CI/CD อย่างเต็มประสิทธิภาพในการทดสอบ
ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นว่ายังคงมีช่องโหว่ในการทดสอบซอฟต์แวร์ โดย 74% ของทีมขาดแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการทดสอบ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพลดลงและอาจทำให้มองข้ามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระดับความเสี่ยงและความคิดเห็นของลูกค้า นอกจากนี้ หลาย ๆ ทีมยังขาดข้อมูลเชิงลึกที่จะวัดความน่าเชื่อถือของซอฟต์แวร์ โดยกว่า 48% ไม่มีแม้แต่ระบบอัจฉริยะด้านการทดสอบ (Test Intelligence) และระบบการสังเกตขั้นพื้นฐาน
คุณอาซาด ข่าน (Asad Khan) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแลมบ์ดาเทสต์ กล่าวว่า "ที่แลมบ์ดาเทสต์ เราเข้าใจดีว่าถึงแม้การนำเอไอมาใช้จะถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ แต่การเดินทางไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่นี้ ตัวอย่างเช่น การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่าเราจำเป็นต้องจัดการกับปัญหาคอขวดที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การทดสอบที่ไม่น่าเชื่อถือและการเสียเวลาจัดเตรียมตั้งค่าสภาพแวดล้อมการทดสอบ นี่ทำให้เราทั้งมีโอกาสและความท้าทายในการพัฒนาเครื่องมือที่ใช่ ที่จะช่วยให้ทีมจัดการกับปัญหาคอขวดเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนคุณภาพซอฟต์แวร์ในกระบวนการของพวกเขาได้"
อ่านรายงานการศึกษา "อนาคตของการประกันคุณภาพปี 2566" ได้ที่ https://www.lambdatest.com/future-of-quality-assurance-survey
เกี่ยวกับแลมบ์ดาเทสต์
แลมบ์ดาเทสต์ (LambdaTest) เป็นระบบคลาวด์ทดสอบประสบการณ์ดิจิทัลระดับชั้นนำ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนา/ผู้ทดสอบส่งมอบโค้ดได้เร็วขึ้น ลูกค้ากว่า 10,000 รายและผู้ใช้กว่า 2 ล้านรายในกว่า 130 ประเทศพึ่งพาแลมบ์ดาเทสต์สำหรับความต้องการด้านการทดสอบ
แลมบ์ดาเทสต์นำเสนอบริการที่ช่วยให้ลูกค้าจัดการและดำเนินกระบวนการทดสอบในลักษณะที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้ บริการนี้มีให้สำหรับลูกค้าในขั้นต่าง ๆ ของวงจรชีวิต DevOps:
- เบราว์เซอร์และการทดสอบแอประบบคลาวด์ (Browser & App Testing Cloud) ช่วยให้ผู้ใช้ดำเนินการทดสอบเว็บและแอปพลิเคชันมือถือได้ทั้งแบบไม่อัตโนมัติและแบบอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมเบราว์เซอร์ อุปกรณ์จริง และระบบปฏิบัติการ (OS) ที่แตกต่างกันกว่า 3,000 รายการ
- ไฮเปอร์เอ็กซีคิวท์ (HyperExecute) ช่วยลูกค้าดำเนินการทดสอบและประสานกริดการทดสอบในระบบคลาวด์สำหรับทุกแพลตฟอร์มและทุกภาษาโปรแกรม ด้วยความเร็วสูงเพื่อลดระยะเวลาทดสอบคุณภาพ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://lambdatest.com
โลโก้: https://mma.prnasia.com/media2/1721228/Lambda_Test_Logo.jpg?p=medium600
Source : ผลการศึกษาเผย ผู้ทดสอบซอฟต์แวร์ 78% ใช้เอไอ แต่ปัญหาใหญ่สุดคือความน่าเชื่อถือและการขาดทักษะ
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network