แบรนด์ทีวี 5 อันดับแรกของโลกเพียงแบรนด์เดียวที่ยังคงการเติบโตไว้ได้ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป
ชิงเต่า, จีน, 1 ก.พ. 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — ไฮเซ่นส์ (Hisense) บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับโลก ยังคงครองอันดับ 2 ของโลกในการจัดส่งทีวีในปี 2566 โดยมีปริมาณการจัดส่ง 25.9 ล้านเครื่องในตลาดโลกในปี 2566 ตาม ‘รายงานยอดการจัดส่งทีวีทั่วโลกประจำเดือนของแบรนด์ทีวีต่าง ๆ ประจำปี 2566’ จากเอวีซี รีโว (AVC Revo) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยตลาดชั้นนำ ไฮเซ่นส์เป็นแบรนด์เดียวที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ในบรรดาแบรนด์ทีวี 5 อันดับแรกของโลก
ในขณะนี้ ไฮเซ่นส์กำลังขยายกลยุทธ์ระดับโลกและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วโลกในนิคมอุตสาหกรรม 34 แห่ง ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) 25 แห่ง และบริษัทในต่างประเทศ 66 แห่ง ในปีที่ผ่านมา ยอดจัดส่งไปยังตลาดต่างประเทศของไฮเซ่นส์เพิ่มขึ้น 12.2% และพบว่าการจัดส่งไปยังตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็น "เลขสองหลัก"
ในช่วงต้นเดือนมกราคม ไฮเซ่นส์ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค (CES) ประจำปี 2567 พร้อมจัดแสดงผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นนำ ซึ่งรวมถึงทีวี ULED X และเลเซอร์ทีวี โดยบริษัทได้รับรางวัลมากกว่า 30 รางวัลในด้านนวัตกรรมและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท
ปี 2567 เป็นปีแห่งกีฬา และในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของยูโร 2024 แบรนด์จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทีวีล้ำสมัยเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันและการรับชมอันดื่มด่ำ โดยจะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทัวร์นาเมนต์และแฟนฟุตบอลให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยการใช้กลยุทธ์การตลาดกีฬานวัตกรรมใหม่
เกี่ยวกับไฮเซ่นส์
ไฮเซ่นส์ (Hisense) เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคชั้นนำระดับโลก ธุรกิจของไฮเซ่นส์ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์มัลติมีเดีย (เน้นไปที่สมาร์ททีวี) เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเทคโนโลยีสารสนเทศอัจฉริยะ ในระยะหลังไฮเซ่นส์ได้ขยายกิจการอย่างรวดเร็ว และปัจจุบันดำเนินธุรกิจในประเทศต่าง ๆ กว่า 160 ประเทศ
Source : ไฮเซ่นส์ ครองยอดจัดส่งทีวีทั่วโลกสูงเป็นอันดับ 2 ในปี 2566
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network