- เฟอเรโร กรุ๊ป ยังคงเส้นทางการเติบโตต่อไปด้วยมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น 21% เป็น 1.7 หมื่นล้านยูโร และจำนวนพนักงานทั่วโลกเพิ่มขึ้น 14% เป็น 47,212 คน
- กลุ่มบริษัทขยายธุรกิจในอเมริกาเหนือด้วยการซื้อกิจการของผู้ผลิตไอศกรีมอย่าง เวลส์ เอ็นเตอร์ไพรส์เซส อิงค์
ลักเซมเบิร์ก, 16 ก.พ. 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — เฟอเรโร กรุ๊ป (Ferrero Group) ภายใต้โฮลดิ้ง คอมพานี เฟอเรโร อินเตอร์เนชันแนล เอส.เอ. (Ferrero International S.A.) ได้อนุมัติงบการเงินรวม (Consolidated Financial Statements) ประจำปีงบประมาณ 2565/2566 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม 2566[1] กลุ่มบริษัทปิดปีงบประมาณด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 1.7 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น +20.7% เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายในปีก่อนหน้าที่ 1.4 หมื่นล้านยูโร โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตด้วยธุรกิจของบริษัทเองและการเข้าซื้อกิจการ บริษัทยังคงดำเนินกลยุทธ์การเติบโตที่ขับเคลื่อนโดยประธานบริหาร คุณโจวานนี เฟอเรโร (Giovanni Ferrero) และดำเนินการโดยซีอีโอ คุณลาโป ซิวิเลตติ (Lapo Civiletti)
แม้ว่าปีงบประมาณ 2565/2566 จะประสบกับสภาวะทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ท้าทาย แต่เฟอเรโร กรุ๊ปก็สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปได้ โดยรวมส่วนแบ่งการตลาดของประเภทสินค้าและภูมิภาคที่หลากหลายให้มีความแข็งแกร่ง ต้องขอบคุณความสามารถในการปรับตัวของบุคลากร แบรนด์ และโมเดลธุรกิจ โรงงานผลิตทั่วโลกของเฟอเรโรเพิ่มขึ้นเป็น 37 แห่งจาก 32 แห่งในปีที่แล้ว ในขณะที่จำนวนพนักงานทั่วโลกของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 47,212 คน เพิ่มขึ้นจาก 41,441 คน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565
"เรามีความยินดีที่จะรายงานถึงช่วงเวลาของการเติบโตที่แข็งแกร่ง แม้จะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ โดยแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องยังคงเป็นปัจจัยทั่วโลก นอกเหนือจากการเติบโตทางด้านรายได้แล้ว จำนวนพนักงานทั่วโลกยังเติบโตขึ้นกว่า 5,000 คนอีกด้วย ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา" แดเนียล มาร์ติเนซ คาร์เรเตโร (Daniel Martinez Carretero) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเฟอเรโร กรุ๊ปกล่าว
เมื่อปลายเดือนมกราคม 2566 กลุ่มบริษัทได้ทำการเข้าซื้อเวลส์ เอ็นเตอร์ไพรส์เซส อิงค์ (Wells Enterprises Inc.) เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงการดำเนินงาน และสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ อันเป็นรู้จักและเป็นที่นิยม ได้แก่ บลู บันนี (Blue Bunny®), บลู ริบบิน คลาสสิกส์ (Blue Ribbon Classics®), บอมบ์ ป๊อป (Bomb Pop®) และฮาโล ท็อป ( Halo Top®) การซื้อกิจการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของเฟอเรโร กรุ๊ป ในการขยายธุรกิจในอเมริกาเหนือและในสินค้าประเภทไอศกรีม ข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวยังรวมถึงโรงงานผลิตสี่แห่งของสหรัฐฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐไอโอวา เนวาดา และนิวยอร์ก
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2566 กลุ่มบริษัทยังได้ทำการเข้าซื้อกิจการของเฟรซิสเต็ม กรุ๊ป (Fresystem Group) เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวชาวอิตาลีที่ผลิตสินค้าเบเกอรี่แช่แข็ง การซื้อกิจการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของเฟอเรโรและเกิดขึ้นภายหลังการเปิดตัวของนูเทลล่า มัฟฟินส์ (Nutella Muffins) ซึ่งผลิตโดยเฟรซิสเต็มมาตั้งแต่ปี 2564
นวัตกรรมยังคงเป็นหัวใจหลักในการทำงานของเราเพื่อสนับสนุนการเติบโตของแบรนด์ต่าง ๆ ที่โดดเด่นที่สุดของเฟอเรโร โดยขยายขอบเขตไปสู่หมวดหมู่ใหม่ ๆ ของตลาดขนมหวานบรรจุห่อ และสามารถตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ของผู้บริโภคได้ ดังที่เห็นเป็นตัวอย่างจากในปีงบประมาณ 55/56 คือการเปิดตัวคินเดอร์ (Kinder), รอชเชอร์ (Rocher) และราฟาเอลโล (Raffaello) ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอศกรีมทั่วยุโรป และความสำเร็จในการเปิดตัวนูเทลล่า บิสกิตส์ (Nutella Biscuits) และนูเทลล่า บี-เรดี้ (Nutella B-ready) ในสหรัฐอเมริกา
กลุ่มบริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์ของเฟอเรโรที่เพิ่มขึ้น รอบระยะเวลาปีงบประมาณนี้มีการลงทุนรวมทั้งสิ้น 811 ล้านยูโร โดยการลงทุนหลักคือสินทรัพย์ โรงงาน และอุปกรณ์ ในอิตาลี สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และสเปน
แนวทางการเติบโตในระยะยาวของกลุ่มบริษัทภายใต้การนำของประธานบริหาร คุณโจวานนี เฟอเรโร ให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนอยู่เสมอ กลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัทมุ่งเน้นไปที่เสาหลักสี่ประการ ได้แก่ การปกป้องสิ่งแวดล้อม การจัดหาส่วนผสมคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ และการเพิ่มศักยภาพของผู้คน
เกี่ยวกับเฟอเรโร กรุ๊ป
เฟอเรโร (Ferrero) ถือกำเนิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ อย่างอัลบา ในแคว้นปิเยมอนเต ประเทศอิตาลี เมื่อปี 2489 ปัจจุบันเฟอเรโรเป็นหนึ่งในบริษัทขนมหวานบรรจุห่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยแบรนด์ยอดนิยมที่จำหน่ายในกว่า 170 ประเทศ เฟอเรโร กรุ๊ปนำความสุขมาสู่ผู้คนทั่วโลกด้วยผลิตภัณฑ์ยอดนิยมหลายรายการ อาทิ นูเทลล่า (Nutella®), คินเดอร์ (Kinder®), ทิค แทค (Tic Tac®) และเฟอเรโร รอชเชอร์ (Ferrero Rocher®)
พนักงานประมาณ 47,000 คนมีความกระตือรือร้นที่จะช่วยให้ผู้คนเฉลิมฉลองช่วงเวลาพิเศษของชีวิต วัฒนธรรมครอบครัวของเฟอเรโร กรุ๊ป ซึ่งขณะนี้อยู่ในรุ่นที่สามนั้น มีพื้นฐานมาจากความทุ่มเทเพื่อคุณภาพและความเป็นเลิศ มรดก และความมุ่งมั่นต่อโลกและชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.Ferrero.com
[1] ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 ถึง 31 สิงหาคม 2566
Source : เฟอเรโร กรุ๊ป รายงานงบการเงินรวม ประจำปีงบประมาณ 2565/2566
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network