รายงานความมั่งคั่งแห่งแอฟริกาประจำปี 2567 เผยให้เห็นการเติบโตของเศรษฐีเงินล้านที่จะเพิ่มขึ้น 65% ในช่วงทศวรรษหน้า

ลอนดอน, 16 เมษายน 2567 /PRNewswire/ — ในปัจจุบัน ทวีปแอฟริกามีความมั่งคั่งที่สามารถนำไปลงทุนได้ (Investable Wealth) รวมมูลค่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจำนวนประชากรเศรษฐีเงินล้านจะเพิ่มขึ้น 65% ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า จากข้อมูลของรายงานความมั่งคั่งแห่งแอฟริกาประจำปี 2567 (2024 Africa Wealth Report) ที่เผยแพร่โดยเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) บริษัทที่ปรึกษาด้านความมั่งคั่งระหว่างประเทศ

รายงานประจำปีที่ตอนนี้ออกมาเป็นฉบับที่ 9 แล้วนั้น เผยให้เห็นว่ามีบุคคลผู้มีความมั่งคั่งสูง (HNWI) จำนวน 135,200 รายที่มีความมั่งคั่งที่สามารถนำไปลงทุนได้มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาในปัจจุบัน ตลอดจนมีเศรษฐีร้อยล้านดอลลาร์ (Centi-millionaires) จำนวน 342 ราย และเศรษฐีพันล้านในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอีก 21 ราย ทั้งนี้ ใน "5 ประเทศใหญ่" (Big 5) ของแอฟริกาที่ประกอบด้วย แอฟริกาใต้ อียิปต์ ไนจีเรีย เคนยา และโมร็อกโกรวมทั้งหมดมีเศรษฐีเงินล้านคิดเป็นสัดส่วน 56% ของทั้งทวีป และมีเศรษฐีพันล้านคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของทั้งทวีปอีกด้วย

แต่กระนั้น คุณโดมินิค โวเลก (Dominic Volek) ประธานฝ่ายลูกค้ารายบุคคลของเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์สได้ชี้ให้เห็นว่า การลดค่าของสกุลเงินและตลาดหุ้นที่สร้างผลตอบแทนต่ำเป็นสิ่งที่ลดความมั่งคั่งของแอฟริกาลงเมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานโลก "ค่าของสกุลเงินแรนด์ของแอฟริกาใต้ลดลง 43% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 2556 – 2566 และแม้ว่าดัชนี All Share Index ของตลาดหลักทรัพย์โจฮันเนสเบิร์ก (JSE) จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินท้องถิ่น แต่ก็ลดลง 5% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ สกุลเงินในประเทศแอฟริกาอื่น ๆ ส่วนใหญ่ยังทำผลงานแย่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีค่าลดลงอย่างน่าตกใจสูงถึง 75% ตามที่บันทึกในไนจีเรีย อียิปต์ แองโกลา และแซมเบีย"

คุณแอนดรูว์ เอมอยล์ส (Andrew Amoils) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทนิว เวิลด์ เวลท์ (New World Wealth) กล่าวเสริมว่า ประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกากำลังสูญเสียบุคคลผู้มีความมั่งคั่งสูงจำนวนมากไปกับการอพยพย้ายถิ่น ซึ่งกำลังทำลายความมั่งคั่งของทวีปแห่งนี้ไปเรื่อย ๆ "บุคคลผู้มีความมั่งคั่งสูงประมาณ 18,700 รายย้ายออกจากแอฟริกาตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบัน ในโลกมีเศรษฐีพันล้านที่เกิดในแอฟริกา 54 ราย รวมถึงหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างอีลอน มัสก์ (Elon Musk) แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 21 รายเท่านั้นที่ยังคงอาศัยอยู่ในทวีปแห่งนี้"

ประเทศและเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในแอฟริกา

แม้ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจะพบกับอุปสรรค แต่แอฟริกาใต้ก็ยังคงเป็นแหล่งรวมบุคคลผู้มีความมั่งคั่งสูงเป็นจำนวนกว่าสองเท่าของประเทศอื่นใดในแอฟริกา โดยมีเศรษฐี 37,400 ราย เศรษฐีร้อยล้านดอลลาร์ 102 ราย และเศรษฐีพันล้าน 5 ราย ตามมาด้วยอียิปต์ที่มีเศรษฐี 15,600 ราย เศรษฐีร้อยล้าน 52 ราย และเศรษฐีพันล้าน 7 ราย ไนจีเรียอยู่ที่อันดับ 3 โดยมีบุคคลผู้มีความมั่งคั่งสูง 8,200 ราย ตามมาด้วยเคนยาที่มีเศรษฐี 7,200 ราย โมร็อกโก (6,800 ราย) มอริเชียส (5,100 ราย) แอลจีเรีย (2,800 ราย) กานา (2,700 ราย) เอธิโอเปีย (2,700 ราย) และนามิเบีย (2,300 ราย) ซึ่งทุกประเทศที่กล่าวมาติดอันดับประเทศในทวีปแอฟริกาที่มีความมั่งคั่งสูงสุด 10 ประเทศ

ในช่วงทศวรรษหน้า (จนถึงปี 2576) คาดว่าประเทศแอฟริกาอย่างมอริเชียส นามิเบีย โมร็อกโก แซมเบีย เคนยา ยูกันดา และรวันดา ทุกประเทศเหล่านี้จะมีการเติบโตของเศรษฐีเงินล้านเพิ่มขึ้นกว่า 80% โดยคาดการณ์ว่า มอริเชียสจะมีอัตราการเติบโตของเศรษฐีสูงอย่างน่าทึ่งถึง 95% ทำให้เป็นประเทศที่ตลาดความมั่งคั่งเติบโตเร็วที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง

ส่วนในระดับเมือง โจฮันเนสเบิร์กครองอันดับเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในแอฟริกา โดยมีเศรษฐีจำนวน 12,300 ราย เศรษฐีร้อยล้าน 25 ราย และเศรษฐีพันล้าน 2 ราย ตามมาติด ๆ ด้วยเคปทาวน์ที่มีเศรษฐี 7,400 ราย เศรษฐีร้อยล้าน 28 ราย และเศรษฐีพันล้าน 1 ราย นอกจากนี้ ไคโร (เศรษฐี 7,200 ราย) ไนโรบี (4,400 ราย) และลากอส (4,200 ราย) ต่างก็โดดเด่นในฐานะเมืองสำคัญในแอฟริกาที่เป็นจุดรวมความมั่งคั่ง

ส่วนเมืองเคปทาวน์ เดอะ เวล โคสท์ คิกาลี วินด์ฮุก สวาคอปมุนด์ ไนโรบี แทนเจียร์ และมาร์ราเกช ก็คาดว่าจะมีอัตราเติบโตของเศรษฐีเงินล้านกว่า 85% ในช่วงสิบปีข้างหน้า นอกจากนี้ เคปทาวน์เป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์หรูโดยมีราคา 5,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตารางเมตร ตามมาติด ๆ ด้วยแกรนด์ เบย์ (Grand Baie) ในมอริเชียสด้วยราคา 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตารางเมตร ทั้งนี้ ประเทศแอฟริกาใต้มีห้าเมืองที่ติดรายชื่อเมืองในแอฟริกาที่มีค่าครองชีพสูงสุด 10 อันดับ ส่วนโมร็อกโกมีสามเมืองติดในรายชื่อดังกล่าว

การขาดความคล่องตัวในการไต่เต้าฐานะทางเศรษฐกิจของแอฟริกา

มีความเห็นในรายงานโดยศาสตราจารย์ เมฮารี มารู (Prof. Mehari Maru) จากศูนย์นโยบายการย้ายถิ่นฐาน (Migration Policy Centre) ที่สถาบันมหาวิทยาลัยยุโรป (European University Institute) ที่กล่าวว่า ผู้ยื่นขอวีซ่าชาวแอฟริกันกำลังเผชิญกับการถูกจำกัดควบคุมที่เข้มงวดกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ "แอฟริกาติดอันดับแรกในรายชื่อผู้ถูกปฏิเสธวีซ่า โดยมีสัดส่วน 30% หรือหนึ่งในสามของผู้ยื่นขอวีซ่าที่อยู่ระหว่างดำเนินการถูกปฏิเสธวีซ่า แม้ว่าจะมีจำนวนผู้ยื่นขอวีซ่าต่อหัวต่ำที่สุดก็ตาม ทั้งยังมีอัตราถูกปฏิเสธวีซ่าเชงเก้นสูงกว่าชาวอเมริกันประชากรของสหรัฐถึงสิบเท่า แม้ว่าจะให้คำอธิบายว่ามีเหตุมาจากความกังวลด้านความปลอดภัยหรือทางเศรษฐกิจก็ตาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าระบบวีซ่าของยุโรปแสดงอคติอย่างชัดเจนกับผู้ขอวีซ่าชาวแอฟริกัน"

คุณชิดินมา โอเคบาลามา (Chidinma Okebalama) ที่ปรึกษาอาวุโสที่เฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส ไนจีเรีย กล่าวว่า "หนังสือเดินทางของคุณเป็นตัวกำหนดอิสรภาพทางการเงิน และส่งผลต่อความสามารถของบุคคลที่จะได้เดินทางไปสำรวจทำธุรกิจร่วมลงทุนกับต่างประเทศ สร้างเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ หรือมีโอกาสที่จะได้ทำการค้ากับหลากหลายประเทศ ด้วยเหตุนี้ เจ้าของกิจการและนักลงทุนชาวแอฟริกันมักถูกทอดทิ้งให้ไม่สามารถทำธุรกิจในตลาดระดับโลกที่ให้ผลตอบแทนสูง กีดขวางศักยภาพที่จะเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างความมั่งคั่งทางการเงินของพวกเขา"

อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็ม

Source : รายงานความมั่งคั่งแห่งแอฟริกาประจำปี 2567 เผยให้เห็นการเติบโตของเศรษฐีเงินล้านที่จะเพิ่มขึ้น 65% ในช่วงทศวรรษหน้า

This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network

Share

Latest Updates

Most Viewed

Related Articles