 |
บริษัทเปิดเผยผลการประเมินตัวชี้วัดด้านความยั่งยืนและเป้าหมายด้านความยั่งยืน
สปาร์ตันเบิร์ก, เซาท์แคโรไลนา, 19 เมษายน 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — มิลลิเคน แอนด์ คอมพานี (Milliken & Company) ผู้ผลิตระดับโลกซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี ฉบับที่ 6 เพื่อแสดงผลการดำเนินงานตามเป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 และเป้าหมายก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ปี 2573 โดยรายงานฉบับนี้ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบเชิงบวกของบริษัทที่มีต่อคน ผลิตภัณฑ์ โลก และก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
คุณฮัลซีย์ คุก (Halsey Cook) ประธานและซีอีโอของมิลลิเคน กล่าวว่า "ความมุ่งมั่นสู่การบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของมิลลิเคนมีความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งก็เร็ว บางครั้งก็ช้า แต่เราก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งสู่เป้าหมายในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคนรุ่นต่อ ๆ ไปในอนาคต" พร้อมกับเสริมว่า "ในรายงานความยั่งยืนประจำปีของเรานั้น เราได้แบ่งปันแนวปฏิบัติที่ได้ผล ยอมรับในสิ่งที่เรายังไม่ได้แก้ไข และยึดมั่นในความเชื่อที่ว่าเราสามารถสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมายได้ ภารกิจนี้ไม่ใช่งานเล็ก ๆ และเราเล็งเห็นคุณค่าของทุกคนที่ร่วมเดินทางไปกับเราในครั้งนี้"
รายงานความยั่งยืนประจำปี 2566 ประกอบด้วยข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับผลกระทบเชิงบวกของมิลลิเคนในด้านหลัก ๆ ดังนี้
- คน : บริษัทให้ความสำคัญกับการปกป้องผู้ร่วมงานด้วยการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน รวมทั้งมุ่งมั่นสร้างซัพพลายเชนที่ครอบคลุมด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมความหลากหลายของซัพพลายเออร์ (Supplier Diversity Event) เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังบรรลุเป้าหมายในการทำงานอาสาสมัครชุมชนครบ 100,000 ชั่วโมงเร็วกว่ากำหนดถึงหนึ่งปี
- ผลิตภัณฑ์ : มิลลิเคนใช้แบบประเมินความยั่งยืนเพื่อวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งหมด และบรรลุผลสำเร็จที่วัดผลได้จากความมุ่งมั่นตลอดหลายปีในการจัดการพลาสติกเมื่อสิ้นอายุการใช้งาน
- โลก : การลงทุนในระบบโคเจนเนอเรชัน ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการจัดหาพลังงานหมุนเวียน ทำให้บริษัทมีความก้าวหน้าเร็วกว่ากำหนดในการบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนและก๊าซเรือนกระจกปี 2568 อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมายลดปริมาณขยะที่ต้องไปสู่หลุมฝังกลบและลดการใช้น้ำปี 2568 มีความท้าทายมากกว่า
- ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ : ความคืบหน้าตลอด 5 ปีตามเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนและก๊าซเรือนกระจก ช่วยให้มิลลิเคนมีความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั้งแบบ Scope 1 และ Scope 2 ภายในปี 2573 ขณะเดียวกัน บริษัทได้ปรับปรุงการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจก Scope 3 เพื่อให้มุมมองที่ละเอียดและแม่นยำมากขึ้นเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่า
คุณคาเซล ไนท์ (Kasel Knight) รองประธานอาวุโส ที่ปรึกษาทั่วไป และหัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของมิลลิเคน กล่าวว่า "การจัดทำเอกสารเกี่ยวกับผลกระทบของเราและบทเรียนที่ได้รับ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการแสดงความโปร่งใสเท่านั้น แต่ยังให้มุมมองที่มีคุณค่าเกี่ยวกับความก้าวหน้าของเราอีกด้วย" พร้อมกับเสริมว่า "รายงานความยั่งยืนประจำปีไม่เพียงแค่บันทึกสิ่งที่เราทำไปแล้วและสิ่งที่เรายังต้องทำเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของเส้นทางที่เรากำลังเดินอยู่ และตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการมองอย่างทะลุปรุโปร่งไปถึงจุดหมายปลายทาง"
สามารถอ่านรายงานความยั่งยืนประจำปี 2566 ของมิลลิเคนได้ที่ milliken.com/sustainability นอกจากนั้นยังมีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์และรายงานความยั่งยืนของปีก่อน ๆ ด้วยเช่นกัน
เกี่ยวกับมิลลิเคน
มิลลิเคน แอนด์ คอมพานี (Milliken & Company) คือผู้ผลิตระดับโลกซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ อันนำไปสู่ความก้าวหน้าแห่งอนาคตตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นโมเลกุลระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมหรือนวัตกรรมที่ยั่งยืน มิลลิเคนได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและนำเสนอโซลูชันให้แก่ลูกค้าและชุมชน บริษัทครอบครองสิทธิบัตรหลายพันรายการและมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ถูกนำไปใช้ในธุรกิจสิ่งทอ การปูพื้น สารเคมี และการดูแลสุขภาพ บริษัทอาศัยความมุ่งหมายที่ทุกคนมีร่วมกันในด้านความสมบูรณ์และความเป็นเลิศ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมิลลิเคนและโซลูชันที่สร้างแรงบันดาลใจได้ที่เว็บไซต์ milliken.com รวมถึงเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ลิงด์อิน และทวิตเตอร์
โลโก้ – https://mma.prnasia.com/media2/2254813/4656430/Milliken_and_Company_Logo.jpg?p=medium600
Source : มิลลิเคน แอนด์ คอมพานี เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2566
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network
