กวางโจว, จีน, 15 มิถุนายน 2567 /PRNewswire/ — หัวเว่ย (Huawei) ไชน่า ยูนิคอม กวางตุ้ง (China Unicom Guangdong) และสำนักเกษตรและกิจการชนบทเจิงเฉิง (Zengcheng Agriculture and Rural Affairs Bureau) ร่วมกันจัดงานเทศกาลไลฟ์สตรีมมิ่งลิ้นจี่ภายใต้ธีม "เพิ่มประสิทธิภาพ 5G เพื่อลิ้นจี่" (A 5G Boost for Lychees) ในเขตเจิงเฉิง เมืองกวางโจวในวันนี้ โดยในงานดังกล่าว อินฟลูเอนเซอร์และนักสตรีมเมอร์ใช้บริการผ่านเครือข่าย 5G เพื่อประชาสัมพันธ์และจำหน่ายลิ้นจี่ที่สวนหลายแห่ง นอกจากนี้ ในเทศกาลนี้ยังได้มีการทดลองใช้เครือข่าย 5.5G ในสถานที่จัดงานด้วย โดยสามารถบันทึกความเร็วอัปลิงก์สูงสุดได้เกินกว่า 500 Mbps ซึ่งเป็นการทดลองเครือข่าย 5.5G ครั้งแรกระหว่างการไลฟ์สตรีมในพื้นที่ชนบทของจีน
ในระหว่างการจัดเทศกาลนี้ ไชน่า ยูนิคอม กวางตุ้ง นำเสนอแผนบริการไลฟ์สตรีมมิ่งผ่าน 5G ของบริษัทในงาน โดยบริการล้ำสมัยนี้เป็นครั้งแรกในจีน ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของสตรีมเมอร์ที่ต้องการใช้แบนด์วิดท์อัปลิงก์ที่สูงมาก ความจุของเครือข่ายขนาดใหญ่ และวิดีโอความละเอียดสูง ที่จะรับประกันได้ว่าประสบการณ์การใช้งานมีความต่อเนื่อง เสถียร และราบรื่น ด้วยการใช้เทคโนโลยีจัดแบ่งเครือข่าย (Slicing) บน 5G และส่วนประกอบเครือข่ายอัจฉริยะ ไชน่า ยูนิคอม กวางตุ้ง และหัวเว่ยได้สร้างเครือข่าย 5G ที่สามารถให้คุณภาพการบริการ (QoS) ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่แผนบริการไลฟ์สตรีมมิ่ง โดยสามารถรองรับการรับส่งข้อมูลได้มากขึ้น 50% และความเร็วอัปลิงก์ที่เร็วขึ้น 4 เท่า (เพิ่มจาก 30–50 Mbps เป็น 150–200 Mbps) สำหรับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ เครือข่ายดังกล่าวยังสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มข้อมูลแบบบูรณาการ SmartCare ของหัวเว่ย ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์และระบุข้อผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์ของผู้ใช้บริการไลฟ์สตรีมมิ่งขึ้นอีกระดับ
ในงาน MWC Barcelona ปีนี้ บริการไลฟ์สตรีมมิ่งผ่าน 5G ดังกล่าวได้รับรางวัล Global Mobile Awards (GLOMO) ของ GSMA ในฐานะ "บริการจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภคที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริการนี้ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากอุตสาหกรรมนี้
ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2565 บริการนี้มีผู้ใช้งานกว่า 300,000 คน และรองรับไลฟ์สตรีมมิ่งเพื่อจำหน่ายสินค้าของหลากหลายภาคธุรกิจ เช่น เกษตรกรรม การท่องเที่ยว เสื้อผ้า และอีสปอร์ต
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายได้มีการจัดงานสนทนาโต๊ะกลมกับสื่อมวลชน โดยคุณ Wang Liang รองผู้จัดการทั่วไปของศูนย์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของไชน่า ยูนิคอม กวางตุ้ง กล่าวว่า "เราต้องใช้เครื่องมือใหม่ ๆ หากต้องการประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจเกษตรกรรมแบบใหม่ ไชน่า ยูนิคอม กวางตุ้ง ใช้เทคโนโลยีจัดแบ่งเครือข่ายบน 5G และเทคโนโลยีช่องสัญญาณคู่ เพื่อให้บริการเครือข่ายที่รวดเร็วและเสถียรสำหรับไลฟ์สตรีมมิ่ง"
เขากล่าวต่อว่า "ในอนาคต ไชน่า ยูนิคอม จะใช้เทคโนโลยีอย่าง 5.5G เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมเครือข่ายและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เราจะยังทำงานร่วมกับพันธมิตรของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรผ่านไลฟ์สตรีมมิ่ง และส่งเสริมนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเกษตรระดับกว้าง"
5.5G แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาปรับปรุง 5G ครั้งใหญ่ในหลายด้าน ด้วยการใช้เครือข่าย 5.5G ความเร็วดาวน์ลิงก์สูงสุดจะเพิ่มขึ้นจาก 1 Gbps เป็น 10 Gbps และความเร็วอัปลิงก์สูงสุดจะเพิ่มขึ้นจาก 100 Mbps เป็น 1 Gbps ซึ่งเป็นการเพิ่มแบนด์วิดท์ถึง 10 เท่า และด้วยเครือข่าย 5.5G ผู้ใช้จะสามารถถ่ายทอดสัญญาณเนื้อหาที่มีความละเอียดสูงขึ้นในรูปแบบ 3D และโต้ตอบกันได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ยังทำให้รับรองได้ว่าจะได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันซึ่งถูกปรับตามความต้องการเฉพาะของผู้ใช้บริการไลฟ์สตรีมมิ่งแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เครือข่าย 5.5G ยังวางรากฐานให้กับบริการรูปแบบใหม่ เช่น Cloud phones, New Calling และบริการ 3D แบบไม่ต้องสวมแว่น
คุณ Hou Yingzhen ประธานแผนกการตลาดและการขายโซลูชัน 5G ของหัวเว่ยก็เข้าร่วมงานเช่นกัน เขากล่าวว่า "หัวเว่ยจะสร้างนวัตกรรมให้ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายโอกาสให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นได้รับประโยชน์จาก 5G และสนับสนุนการนำ 5.5G ไปใช้งานเชิงพาณิชย์ โดย 5.5G จะมีความจำเป็นต่อโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายในโลกที่ชาญฉลาด เครือข่ายนี้จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไลฟ์สตรีมมิ่งในจีน และมีส่วนช่วยสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งในพื้นที่ชนบทและอุตสาหกรรมการเกษตรระดับกว้าง นอกจากนี้ยังมีศักยภาพที่จะเร่งให้เกิดอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกมากมายเปลี่ยนแปลงไปเป็นระบบดิจิทัล"
Source : หัวเว่ยและไชน่า ยูนิคอม กวางตุ้ง ทดลองไลฟ์สตรีมด้วยเครือข่าย 5.5G ครั้งแรกจากพื้นที่ชนบทของจีน
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network