ปักกิ่ง, 17 มิ.ย. 2567/PRNewswire/ — เมื่อห้าสิบห้าปีที่แล้ว สี จิ้นผิงในวัย 15 ปี ในฐานะ "เยาวชนมีการศึกษา" ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านเหลียงเจียเหอ ในมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เขาอยู่ที่ชนบทแห่งนั้นเป็นเวลาเจ็ดปี โดยทำงานและใช้ชีวิตร่วมกับเหล่าเกษตรกร
สีเล่าว่าวันคืนเหล่านั้นช่วยปลูกฝังความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ของเขาในการทำประโยชน์ให้กับประชาชน
หลังจากได้รับเลือกเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 เขาได้ให้คำมั่นว่าจะอุทิศตนไม่หยุดยั้งเพื่อรับใช้ประชาชน "ความปรารถนาของประชาชนในการมีชีวิตที่มีความสุขคือภารกิจของเรา"
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนและประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง คำนึงถึงประเทศอยู่เสมอและมองตนเองเป็นผู้รับใช้ประชาชน ตั้งแต่การดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสาขาพรรคชนบทจนกระทั่งตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน
คนของประชาชน
เมื่อมาถึงเหลียงเจียเหอ สียังเป็นวัยรุ่นที่ยังค่อนข้างฉงน และออกเดินทางในฐานะชายวัย 22 ปีที่ตั้งใจจะรับใช้ประชาชน
ต่อมาเขาเดินทางไปยังเจิ้งติง ซึ่งเป็นเทศมณฑลยากจนในมณฑลเหอเป่ยทางตอนเหนือของจีน หลี่ หย่าผิง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เทศมณฑลเจิ้งติงในขณะนั้น เล่าว่า สีกล่าวว่าจีนมีหลายสิ่งที่รอดำเนินการอยู่ และต้องการคนที่จะมาแบกรับความรับผิดชอบ
ตั้งแต่ช่วงปีแรก ๆ สีดูเฉยเมยต่อยศถาบรรดาศักดิ์ในสำนักงานต่าง ๆ เขามักออกเดินทางหลายวัน บางครั้งบนภูเขา เพื่อพูดคุยกับประชาชนระดับรากหญ้า เรียนรู้ความยากลำบากของประชาชน และช่วยแก้ปัญหาให้
ที่เจิ้งติง สี จิ้นผิงขี่จักรยานเก่า ๆ ไปทั่วเทศมณฑล และสังเกตเห็นว่าโควต้าการจัดซื้อธัญพืชประจำปีที่รัฐกำหนดไว้ที่ 38 ล้านกิโลกรัม ทำให้ชาวบ้านต่างหิวโหย
เขาเขียนจดหมายถึงคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยระบุว่าเกษตรกรท้องถิ่นประสบความยากลำบากเพราะโควต้าการจัดซื้อสูง หลังจากทีมสืบสวนทราบสถานการณ์ จึงลดโควต้าจาก 38 ล้านกิโลกรัมเหลือ 24 ล้านกิโลกรัม
เฉิง เปาฮวย เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์เทศมณฑลเจิ้งติงในขณะนั้น เล่าว่าผู้คนต่างชื่นชมผลงานของสี โดยกล่าวว่าในที่สุดพวกเขาก็มีอาหารเพียงพอ สีได้หยั่งรากลึกในตัวประชาชนและคำนึงถึงความยากลำบากของประชาชน เฉิงกล่าว
‘เพื่อประโยชน์ของประชาชนของผม‘
นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาแห่งชาติพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 เมื่อปี 2555 สีได้เยือนประชาชนระดับรากหญ้าทั้งในเมืองและชนบทมากกว่า 100 ครั้ง
เขาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเพียงพอของเสบียงตลาดอาหารช่วงวันหยุด การเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชน และค่าจ้างแรงงานข้ามชาติ การตอบสนองความต้องการเร่งด่วนของประชาชนถือเป็นวาระของหน่วยงานกลาง และได้กลายเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังการปฏิรูป
"ขณะนี้เรากำลังปฏิบัติตามปรัชญาการพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง" สีกล่าวระหว่างการประชุมสัมมนาเรื่องการขจัดความยากจนขั้นรุนแรงเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2560 "การพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางจะต้องมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด"
ภายใต้การนำของสี จีนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์หลายประการ โดยความยากเชิงสัมบูรณ์หมดสิ้นไป และมีความมั่งคั่งระดับปานกลางสำหรับประชากร 1.4 พันล้านคนของประเทศ
ตัวอย่างเช่น รายได้ต่อหัวของจีนในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบเป็นรายปี และช่องว่างรายได้ระหว่างชาวเมืองและชาวชนบทแคบลงเรื่อย ๆ มีการปรับปรุงและขยายผลประโยชน์จากการขจัดความยากจนออกไป โดยรายได้ต่อหัวในพื้นที่ชนบทที่มีการขจัดความยากจนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ในปีที่แล้ว
"การสร้างความทันสมัยของจีนมีจุดมุ่งหมายเพื่อดำเนินการให้แน่ใจว่าการพัฒนานั้นเพื่อประชาชนและโดยประชาชน และประชาชนจะร่วมแบ่งปันผลของการพัฒนาดังกล่าว" สีกล่าวในการสัมมนาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของจีนระหว่างเยือนอิตาลี สี จิ้นผิงยอมรับถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่และภาระอันยากลำบากในการปกครองประเทศใหญ่เช่นนี้ แต่แสดงความทุ่มเทต่อการพัฒนาของจีน
"เพื่อประโยชน์ของประชาชนของผม ผมยินดีละทิ้งสวัสดิภาพของตัวเอง" สีกล่าว
Source : CGTN: 'เพื่อประโยชน์ของประชาชนของผม': การอุทิศตนเพื่อราชการของ สี จิ้นผิง
This content was prepared by our news partner, Cision PR Newswire. The opinions and the content published on this page are the author’s own and do not necessarily reflect the views of Siam News Network