GBG และ Chartis Research เผยผลการศึกษาล่าสุดพบภัยคุกคามที่เป็นการฉ้อโกงเพิ่มสูงขึ้นและความพยายามในการจัดหาโซลูชันที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงในภาคการเงินของเอเชีย


รายงานดังกล่าวรวบรวมข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการฉ้อโกงในเอเชีย 114 ราย เพื่อหาแนวโน้ม ความท้าทาย และมาตรการป้องกันการฉ้อโกงที่ใช้โดยสถาบันการเงิน

สิงคโปร์ – Media OutReach Newswire – 1 สิงหาคม 2567 – GBG ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านอัตลักษณ์และตำแหน่งที่ตั้งทั่วโลก ด้วยความร่วมมือกับ Chartis Research เผยว่าสถาบันการเงินและธนาคาร 8 ใน 10 แห่งของเอเชียกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญเกี่ยวกับการตรวจจับการฉ้อโกงทางดิจิทัล ขณะเดียวกันก็มีการลงทุนเชิงรุกในด้านที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและประสบการณ์ผู้ใช้งาน (user experience) เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาความเชื่อมั่นของลูกค้าเอาไว้ โดยผลการศึกษาที่สำคัญเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานในหัวข้อ ‘Building Trust in Digital Channels: A Study of Banking and Finance in Asia ฉบับล่าสุด ซึ่งศึกษาความท้าทายและความก้าวหน้าในการตรวจจับและการป้องกันการฉ้อโกงขณะที่ในภูมิภาคมีอัตราการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

ความซับซ้อนและความถี่ของการฉ้อโกงที่เพิ่มสูงขึ้น

มีแนวโน้มที่น่ากังวลเกี่ยวกับความซับซ้อนและความถี่ของการฉ้อโกงที่เพิ่มสูงขึ้น โดยผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 90% มองเทคนิคและความซับซ้อนที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เป็นความท้าทายที่น่ากังวลที่สุด เป็นที่สังเกตได้ว่าการหลอกลวงในลักษณะสแกมและการโจมตีแบบฟิชชิงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่าพบการฉ้อโกงในลักษณะดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 59% และ 57% ตามลำดับ นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมายังพบแนวโน้มในการฉ้อโกงข้อมูลประจำตัว (synthetic ID-based fraud) เพิ่มมากขึ้น 58% ในทวีปเอเชีย ซึ่งก่อนหน้านี้พบมากในอเมริกาเหนือ เนื่องจากการฉ้อโกงในลักษณะนี้สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว

มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของลูกค้าอย่างเท่า ๆ กันขณะที่อัตราการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสูงขึ้น

ผู้ตอบแบบสอบถามมากถึง 97% ตระหนักถึงความยากลำบากในการให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยและประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าอย่างเท่ากัน ซึ่ง 79% มองว่าเป็นอุปสรรคอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเร่งผลักดันให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในทั้งทวีปเอเชียในปัจจุบันที่การชำระเงินแบบเรียลไทม์กลายมาเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ซึ่งส่งผลให้เกิดช่องโหว่สำหรับการฉ้อโกงทั้งกับสถาบันทางการเงินและลูกค้าตามลำดับ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่องค์กรเหล่านี้จะต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มแข็ง พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้นเพื่อให้ลูกค้ายังคงไว้วางใจต่อไป

ระบบที่ล้าสมัยส่งผลต่อการตรวจจับการฉ้อโกงที่แม่นยำ ขณะเดียวที่องค์กรส่วนใหญ่ก็มีแพลตฟอร์มสำหรับใช้รวมการฉ้อโกงไว้ในแพลตฟอร์มเดียว

การตรวจจับการฉ้อโกงที่มีความซับซ้อนรูปแบบใหม่อย่างแม่นยำจำเป็นต้องใช้วิธีแบบหลายชั้นที่ผสานเทคนิคการตรวจจับความผิดปกติแบบดั้งเดิมเข้ากับวิธีที่มีความล้ำสมัยมากขึ้นอย่างเช่น นิวรัลเน็ตเวิร์ค อย่างไรก็ตาม ระบบและเทคโนโลยีที่ล้าสมัยที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันทำให้การวิเคราะห์และนำข้อมูลใหม่ ๆ มาใช้มีความยากลำบาก โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 64% กล่าวว่านี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราผลบวกลวง (false positive rate) ยังคงสูงอยู่ ปัญหานี้ยังถูกซ้ำเติมด้วยการที่ข้อมูลของหลายองค์กรนั้นขาดประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัญหาที่กว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม (52%) ต่างยืนยัน

ขณะเดียวกัน องค์กรหลายองค์กรต่างได้รับการส่งเสริมให้จัดการกับปัญหานี้ในเชิงรุก โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 88% เผยว่าได้มีการเริ่มใช้แพลตฟอร์มที่สามารถแลกเปลี่ยนและแชร์ข้อมูลได้ในแพลตฟอร์มเดียวเพื่อลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและอาชญากรรมทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นแล้ว

การเร่งลงทุนด้านเทคโนโลยีคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง

ธนาคารและสถาบันการเงินในเอเชียมักให้ความสำคัญกับการสรรหาพนักงานมาอุดช่องโหว่เกี่ยวกับการตรวจจับการฉ้อโกง ผลการศึกษาชิ้นนี้ยังพบว่าองค์กรเหล่านี้มีแผนเพิ่มการลงทุนที่สูงมากขึ้นในเรื่องแมชชีนเลิร์นนิง (ML) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปีที่กำลังจะมาถึง (จาก 16% ในปี 2566-2567 เป็น 68% ในปี 2568-2569) ซึ่งชี้ให้เห็นว่าองค์กรเหล่านี้กำลังมีการเปลี่ยนวิธีตรวจจับความผิดปกติแบบเดิมไปใช้ระบบอัตโนมัติที่สามารถรับมือกับงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดภาระของพนักงานและลดต้นทุนองค์กรที่สูง ขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับให้สูงขึ้น

ในรายงานดังกล่าว นาย Bernardi Susastyo ผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Asia & Fraud APAC ของ GBG กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ Chartis ครั้งนี้ทำให้เราเห็นถึงความท้าทายเร่งด่วนที่ธนาคารและภาคการเงินในเอเชียกำลังเผชิญ ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการมีกระบวนการดูแลลูกค้า (onboarding) ที่ราบรื่นและมาตรการป้องกันการฉ้อโกงที่เข้มแข็ง ขณะที่ภัยคุกคามการฉ้อโกงลุกลามใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ องค์กรควรหันมาใช้มาตรการด้านความปลอดภัยเชิงรุกโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเกิดใหม่”

นาย Bernardi กล่าวปิดท้ายว่า “GBG มุ่งมั่นที่จะพลิกโฉมโซลูชันเพื่อจัดการกับความเสี่ยงเรื่องการฉ้อโกงให้กับธุรกิจดิจิทัลและต่อกรกับการฉ้อโกงให้กับองค์กรต่าง ๆ ทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก พร้อมติดอาวุธให้องค์กรเหล่านี้สามารถโลดแล่นในยุคดิจิทัลและป้องกันอาชญากรรมทางการเงินไปพร้อมกัน”

ดูเพิ่มเติมและดาวน์โหลดผลการศึกษาฉบับเต็มได้ที่: https://hubs.ly/Q02HmC3b0

Hashtag: #GBG

The issuer is solely responsible for the content of this announcement.

เกี่ยวกับ GBG

GBG คือผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านอัตลักษณ์และตำแหน่งที่ตั้งทั่วโลก ในโลกดิจิทัลที่กำลังขยายตัว GBG ช่วยให้ธุรกิจเติบโตด้วยข้อมูลที่จะทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับลูกค้าของพวกเขาได้อย่างที่ดีที่สุดในยามที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด

ทุกวินาที ข้อมูลที่มีอยู่ทั่วโลก เทคโนโลยีที่ฉับไว และทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา คอยขับเคลื่อนองค์กรที่มีชื่อเสียงทั่วโลกกว่า 20,000 องค์กรในการเข้าถึงและสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าของตน

เรียนรู้เพิ่มเติมที่ และติดตามพวกเราทาง และ

Source link

This content was prepared by Media OutReach. The opinions expressed in this article are the author's own and do not reflect the view of Siam News Network.

Share

Latest Updates

Most Viewed

Related Articles