รัฐบาลต้องคิดไปไกลและก้าวหน้า ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยจะจมอยู่กับความเจริญไม่ก้าวหน้า ภูมิธรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และประชาชนจะยังคงต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพต่อไป เพื่อปกป้องโครงการ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ของรัฐบาล
คำแถลงของเขาเป็นไปตามผลการสำรวจความคิดเห็นของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งพบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 34.66% ต้องการให้ยกเลิกโครงการนี้ และ 68.85% บอกว่าจะไม่ทำให้รัฐบาลไม่พอใจหากเป็นเช่นนั้น
ภูมิธรรม ย้ำการที่รัฐบาลเปิดกว้างต่อความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเกี่ยวกับโครงการฯ โดยกล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และรัฐบาลไม่มีภาระผูกพันในการดำเนินโครงการตามที่สัญญาไว้กับประชาชนในช่วงปี พ.ศ. 2563 การรณรงค์การเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว
เขากล่าวว่ารัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะออกร่างเงินกู้หรือคำสั่งผู้บริหารเพื่อสนับสนุนโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือไม่ โดยเสริมว่าจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเงื่อนไขอื่น ๆ
ธนาคารแห่งประเทศไทยมีข้อสงวนเกี่ยวกับร่างกฎหมายเงินกู้เพื่อหาแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไม่อยู่ในภาวะวิกฤติที่จะพิสูจน์ได้ว่าร่างกฎหมายดังกล่าว สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามกฎวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัดหากต้องการกู้ยืมเงินเพื่อสนับสนุนโครงการ
อย่างไรก็ตาม ภูมิธรมตั้งข้อสังเกตว่าหน่วยงานภาครัฐต้องตอบรับนโยบายของรัฐบาลเชิงบวก โดยเสริมว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ยังไม่ได้รายงานอย่างเป็นทางการ ความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล
ในโพสต์ X ล่าสุด รองนายกรัฐมนตรีอ้างว่านักเศรษฐศาสตร์มีความแตกแยกในเรื่องสถานะเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันคล้ายกับในปี 2540 เมื่อประเทศไทยประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” ในขณะที่คนอื่นๆ ยืนยันว่าเศรษฐกิจไม่อยู่ในภาวะวิกฤติ
เขาบอกว่ารัฐบาลคิดล่วงหน้าและอยากทำสิ่งใหม่ ๆ แต่จะดำเนินการอย่างระมัดระวังไม่เช่นนั้นประเทศจะไม่มีวันก้าวไปข้างหน้า
การคิดล่วงหน้าของรัฐบาล
รัฐบาลต้องคิดไปไกลและก้าวหน้า ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยจะจมอยู่กับความเจริญไม่ก้าวหน้า ภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และประชาชนจะยังคงต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพต่อไป เพื่อปกป้องโครงการ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ของรัฐบาล
คำแถลงของเขาเป็นไปตามผลการสำรวจความคิดเห็นของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งพบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 34.66% ต้องการให้ยกเลิกโครงการนี้ และ 68.85% บอกว่าจะไม่ทำให้รัฐบาลไม่พอใจหากเป็นเช่นนั้น
การบริหารรัฐมนตรี
ภูมิธรรม ย้ำการที่รัฐบาลเปิดกว้างต่อความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเกี่ยวกับโครงการฯ โดยกล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และรัฐบาลไม่มีภาระผูกพันในการดำเนินโครงการตามที่สัญญาไว้กับประชาชนในช่วงปี พ.ศ. 2563 การรณรงค์การเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว