ประเทศไทยอยู่ในวงจรการเติบโตของ GDP ที่ต่ำและมีหนี้ครัวเรือนที่สูง

หนี้ครัวเรือนประเทศไทยสูง 91% ของ GDP ที่ รัฐบาลช่วยลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยผู้ที่มีหนี้ อัตราดอกเบี้ยจะไม่ส่งผลดี
ธนาคาร เริ่มบันทึก อัตราดอกเบี้ยจาก 0.5% ใน 2565 ไปเป็น 2.5% ในปัจจุบัน
ในปี 2020 มี ต้อนรับการหลายการ ปรับโครงสร้างหนี้ให้ยืมหนี้ทัี่แสดงเลี้ยงหนี้ด้วย
สถาบันการเงิน ได้ปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วย ผู้ที่เป็นหนี้ ด้วยหรือหยุดชำระ
นายสุรพล โอภาเสถียร ประธานและซีอีโอของ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ กังคับว่า การขอสินเชื่อใหม่จำนวนมากถูกธนาคารปฏิเสธในช่วงไตรมาสที่ 4 ปรับลดหนี้ 91% ของ GDP ในอีก 3 ปีข้างหน้าแทบไม่เป็นไปได้
NPL ภาคครัวเรือนอยู่ที่ที่ 1.05 ล้านล้านบาท สินเชื่ออาจกลับไปเป็นNPL แบบนี้ารายได้ต่ำ และกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางและต่ำ พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

หนี้ครัวเรือนของประเทศไทย

หนี้ครัวเรือนของประเทศไทยยังคงสูงอย่างน่ากังวลที่เกือบร้อยละ 91 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ณ ไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากหนี้ที่ค้างชำระนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 หนี้ภาคธุรกิจเกือบสูงอยู่ที่ ร้อยละ 87.4 ของ GDP ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยพิจารณาจากจำนวนบริษัทที่ทำกำไรต่ำเพิ่มมากขึ้น

ปิติ ดิษยทัต เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารกลาง แย้งว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่ช่วยอะไรได้มากนัก เนื่องจากหนี้ครัวเรือนประมาณร้อยละ 40 เช่น สินเชื่อจำนอง มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ในขณะที่สินเชื่อธุรกิจครึ่งหนึ่ง มีอัตราคงที่ด้วย

ผลกระทบของหนี้ครัวเรือน

หลายครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากผลกระทบจากโควิด-19 และไม่สามารถชำระหนี้ได้เนื่องจากการว่างงานและรายได้ที่ลดลงเนื่องจากธุรกิจปิดตัวลงในช่วงการแพร่ระบาด

ครอบครัวร้อยละ 20 ล่างสุดเมื่อพิจารณาจากรายได้ในปัจจุบันต้องกู้ยืมเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ โดยร้อยละ 44 ของหนี้ของพวกเขามีไว้เพื่อการบริโภค และเพียงร้อยละ 3 เพื่อการจำนอง ในทางตรงกันข้าม ธนาคารกลางระบุว่าการจำนองคิดเป็นร้อยละ 27 ของหนี้และการบริโภคคิดเป็นร้อยละ 20 ในกลุ่มครอบครัว 20 เปอร์เซ็นต์แรก

Share

Latest Updates

Most Viewed

Related Articles