รัฐบาลอนุมัติงบประมาณ 7,120 ล้านบาทสนับสนุนโครงการรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนสู่ระบบขนส่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความงบนี้ตั้งอยู่ในมาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5.
การอนุมัติงบประมาณเพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 7,120 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปอุดหนุนโครงการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยงบประมาณดังกล่าวจะนำไปอุดหนุนผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้วแต่ยังไม่ได้ยื่นขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลภายใต้มาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
สิ่งสำคัญที่ต้องจำ
- การจัดสรรงบประมาณ: รัฐบาลไทยได้อนุมัติงบประมาณ 7,120 ล้านบาทสำหรับโครงการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการนี้ครอบคลุมการอุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ยังไม่ได้ยื่นขอรับการอุดหนุน จนถึงปัจจุบัน มีการเบิกจ่ายเงินไปแล้ว 6,870 ล้านบาทสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 55,000 คัน โดยยังมีเงินรออนุมัติอีกกว่า 5,000 ล้านบาท
- รายละเอียดเงินอุดหนุน: ในระยะแรกของโครงการ EV 3.0 จะให้เงินอุดหนุนสูงสุด 150,000 บาทสำหรับ EV ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท และสูงสุด 18,000 บาทสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำกว่า 150,000 บาท โดยเงินอุดหนุนจะมอบให้ผู้ผลิตโดยตรง และผู้ซื้อสามารถขอรับเงินอุดหนุนได้เมื่อจดทะเบียนรถ ส่วนระยะที่สอง คือ EV 3.5 ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2024-2027 ให้เงินอุดหนุนระหว่าง 20,000 ถึง 100,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่
- ผลกระทบของโปรแกรม: มาตรการเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการให้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดภายในปี 2030 โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% ข้อกำหนดการผลิตภายในประเทศที่กำหนดไว้ในปี 2024 กระตุ้นให้มีการลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านบาทเพื่อจัดตั้งฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนและมาตรการในอนาคต
นับตั้งแต่เริ่มโครงการนี้ มีการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว 6,870 ล้านบาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 55,000 คัน โดยยังมีเงินรอเบิกจ่ายอีกกว่า 5,000 ล้านบาท สำหรับโครงการ EV 3.0 ระยะแรกนั้น ได้ให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท สูงสุด 150,000 บาท และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำกว่า 150,000 บาท สูงสุด 18,000 บาท โดยเงินอุดหนุนดังกล่าวจะเบิกจ่ายให้กับผู้ผลิตโดยตรง และผู้ซื้อสามารถขอรับเงินอุดหนุนได้เมื่อจดทะเบียนรถยนต์แล้ว
โครงการระยะที่ 2 EV 3.5 ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2024 ถึง 2027 จะเสนอเงินอุดหนุนตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่ของรถยนต์ มาตรการเหล่านี้มุ่งสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 40%
ตามโครงการนี้ ผู้ผลิตจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการผลิตในประเทศภายในปี 2024 มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับภาระผูกพันที่เพิ่มขึ้นในปี 2025 ข้อกำหนดดังกล่าวได้นำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ในประเทศแล้ว โดยมีเงินมากกว่า 80,000 ล้านบาทที่มุ่งมั่นที่จะตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รัฐบาลหวังว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
