แผนงานแจกเงินสดดิจิทัลของประเทศไทยจุดประกายความกังวล

อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์เรียกร้องให้รัฐบาลละทิ้งโครงการ “กระเป๋าเงินดิจิทัล”

อดีตประธานธนาคารกลางและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจในประเทศไทยกำลังเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการแจกเงินสดมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและวินัยทางการคลังในระยะยาว

ประเด็นสำคัญ

• อดีตประธานธนาคารกลางและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจในประเทศไทยกำลังเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการแจกเงินสดมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและวินัยทางการคลังในระยะยาว
• โครงการ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ที่จะแจกเงิน 10,000 บาทให้คนไทยส่วนใหญ่ได้รับเพียงครั้งเดียว ถูกนักวิจารณ์มองว่าเป็นผลเสียมากกว่าผลดี และถูกคัดค้านโดยนายเศรษฐบุตร สุทธิวารนฤพุฒิ ประธานธนาคารกลางคนปัจจุบัน
• นักวิจารณ์แย้งว่าเงินจะถูกนำไปใช้เป็นรายจ่ายสาธารณะโดยตรงและการลงทุนได้ดีกว่า และรัฐบาลควรจำกัดผู้รับผลประโยชน์ให้แคบลงหรือจำกัดการแจกให้เฉพาะผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์โต้แย้งว่าโครงการที่จะให้คนไทยส่วนใหญ่จ่ายเงินครั้งเดียวจำนวน 10,000 บาท (270 ดอลลาร์) อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อและเป็นอันตรายต่อวินัยทางการคลังในระยะยาว

นายเศรษฐบุตร สุทธิวารนฤพุต ประธานธนาคารกลางคนปัจจุบัน ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายดังกล่าวด้วย โครงการดังกล่าวถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญของพรรคเพื่อไทยของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์แย้งว่าเงินจะถูกนำไปใช้ในรายจ่ายสาธารณะและการลงทุนโดยตรงจะดีกว่า พวกเขายังเสนอแนะให้จำกัดผู้รับผลประโยชน์ให้แคบลง และจำกัดการแจกให้เฉพาะผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ เศรษฐากล่าวว่าเขาเปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจำกัดผู้รับไว้เฉพาะกลุ่ม

รัฐบาลไทยได้ปกป้องแผนนี้โดยอ้างว่าจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้คนที่กำลังดิ้นรนทางการเงิน รัฐบาลยังแย้งว่าแผนดังกล่าวจะกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์และอาจารย์เศรษฐศาสตร์ 99 คนได้คัดค้านนโยบายนี้ โดยระบุว่ามันไม่คุ้มกับต้นทุน โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลคาดว่าจะสร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลสูงถึง 560 พันล้านบาท